วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

พันธุ์หมาบ้า


พันธุ์หมาบ้า
ชาติ กอบจิตติ
พิมพ์ครั้งที่ 23 /2551
สำนักพิมพ์หอน
702 หน้า ภาพประกอบ
260 บาท

“พันธุ์หมาบ้า” เป็นนวนิยายขนาดยาวที่เขียนโดย “ชาติ กอบจิตติ” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ปี 2547 และเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงจากนวนิยายเรื่อง คำพิพากษา ซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี พ.ศ.๒๕๒๕ เรื่องพันธุ์หมาบ้าตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร “ลลนา” โดยทยอยตีพิมพ์ตั้งแต่ปักษ์แรกของเดือนสิงหาคม 2528 ถึงเดือนธันวาคม 2530 มีการตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกเมื่อปี 2531 และได้ตีพิมพ์ซ้ำอีกหลายครั้งจนถึงครั้งล่าสุดซึ่งเป็นครั้งที่ 23 ในปี 2551

นวนิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องโดยตัวละครที่ชื่อว่า ชวนชั่ว เขาเดินทางไปหาเพื่อนที่จังหวัดแถบชายทะเลแห่งหนึ่ง โดยตั้งใจจะไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ด้วย ชวนชั่วไปหาเพื่อนชื่อ อ๊อตโต ซึ่งเปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ที่นั่น อ๊อตโตเปิดร้านค้าเพราะมีจุดประสงค์คือ ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเพื่อเป็นสถานที่รวมตัวของบรรดาเพื่อนๆ

อ๊อตโตกับชวนชั่วไปนั่งสังสรรค์กันที่ร้านแห่งหนึ่ง พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีต รวมถึงเพื่อนๆ ได้แก่ ทัย แก่ ล้าน สำลี เล็กฮิป และอีกหลายคน ที่มีนิสัยและพฤติกรรมแบบเดียวกันจนเรียกได้ว่าเป็นพันธุ์เดียวกัน แต่ละคนล้วนเคยใช้ชีวิตร่วมสุขร่วมทุกข์มาด้วยกันที่เมืองพัทยา ไม่ว่าพวกเขาจะทุกข์ สุข สนุกสนาน โศกเศร้า เฮฮา หรืออยู่ในอารมณ์ใดก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อเจอหน้ากันคือเหล้า และกัญชา ซึ่งมีความสำคัญประดุจดังเป็นญาติพี่น้องท้องเดียวกับพวกเขา

เรื่องราวดำเนินไปโดยการเล่าเรื่องราววีรกรรมต่างๆ ทั้งความสนุกสนาน ความทุกข์ การกระทำ การดำเนินชีวิต การเรียนรู้ และประสบการณ์ต่างๆของพวกเขา แต่เมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อนๆที่เหลือจึงแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตน

ตัวละครในเรื่องนี้ล้วนเป็นชื่อจริง และมีชีวิตอยู่จริง เรื่องราวต่างๆแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนในช่วงชีวิตวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยแห่งความคึกคะนอง และสามารถกระทำสิ่งใดๆก็ได้ภายในอารมณ์ชั่ววูบ โดยการกระทำนั้นอาจทำให้ชะตาของพวกเขาหักเหไปทั้งชีวิตได้ เป็นหนังสือที่ทำให้ผู้อ่านหันกลับมาคิดใคร่ครวญถึงชีวิตของตนเองและคนรอบข้าง เพื่อจะได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตได้อย่างมีสติ เพราะมีตัวอย่างของคนที่ล้มเหลวในชีวิตปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่อง มีทั้งผู้ที่สามารถกลับตัวกลับใจได้ในภายหลัง และผู้ที่ไม่มีโอกาสที่จะกลับตัวอีกต่อไป ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน

ผู้แต่งใช้รูปแบบวิธีการนำเสนอ เรื่องราวแตกต่างจากนวนิยายเรื่องอื่นๆ โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่เนื้อหา เนื่องจากเขาเขียนจากความทรงจำ ตามความจริงที่เคยปรากฏ หรือที่เขากล่าวว่าไม่ได้เขียนขึ้นจากชีวิตจริง เพียงอาศัยพฤติกรรมของคนจริงๆมาเป็นพื้นฐานเท่านั้น เขากลับมุ่งเน้นไปที่ความมันส์หรือรูปแบบการเขียนคือมีการใช้ภาษาและถ้อยคำที่แข็งกระด้าง คำด่าทออันหยาบคาย เห็นได้จากบทสนทนาของตัวละครจะมีคำว่า “มึง” “กู” “แม่-ง” และคำด่าอื่นๆทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกมากมายปรากฏอยู่เกือบทั้งเรื่อง จัดว่าเป็นลีลาการเขียนอย่างหนึ่งเพื่อทำให้เกิดความสนุกสนาน อ่านแล้วเกิดอารมณ์สะใจ เป็นการถอดคำพูดที่เพื่อนคุยกันโดยไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรมใดๆ เพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ให้กลมกลืนไปกับบรรยากาศของเรื่อง ทำให้ผู้อ่านสามารถซึมซับแต่ละตัวอักษรและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้ไม่ยาก

แม้ว่าตลอดเวลาที่ตีพิมพ์จะมีทั้งผู้ที่ติ และชื่นชม ทั้งชอบ และไม่ชอบ เพราะกลัวว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน เนื่องด้วยรูปแบบภาษาที่ใช้ในการแต่งมีคำหยาบคาย ประกอบกับเนื้อหาที่มีการเล่าเรื่องราวพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร ชาติ กอบจิตติ ก็มิได้สนใจแต่อย่างใด ฉันเห็นด้วยกับชาติ กอบจิตติ ที่กล่าวว่าควรเก็บสิ่งดีจากหนังสือไปใช้ จำสิ่งชั่วไว้เตือนตน และไม่เชื่อว่าคนที่รักการอ่านหนังสือจะต้องมาเสียคน เพราะการอ่านหนังสือนั้น คนที่ไม่รักการอ่านต่างหากที่น่าเป็นห่วง

สรุปว่าพันธุ์หมาบ้าไม่ใช่หนังสือที่ดี แต่เป็นหนังสือที่ดีมากๆ อย่างน้อยก็ยืนยันได้จากการที่หนังสือเล่มนี้ยังคงมีผู้นิยมอ่านมาจนถึงปัจจุบัน รวมเวลาได้ 20 ปี ตีพิมพ์ถึง 23 ครั้ง เมื่ออ่านพันธุ์หมาบ้าแล้ว ทำให้เราเข้าใจชีวิตวัยรุ่นมากขึ้น ทำให้รู้ว่าคนที่เราสามารถเรียกว่า “เพื่อน” ได้อย่างเต็มปากนั้นเป็นอย่างไร และทำให้วัยรุ่นเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ว่า สิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งบ่น ทั้งด่า ทั้งตี ต่างๆนานา นั่นก็เป็นเพราะความรัก บางครั้งเขาอาจทำไม่สนใจเรา ไม่แสดงว่าห่วง นั่นก็เป็นเพราะเขามีเหตุผลคือ เห็นว่าลูกโตแล้ว อยากให้ดูแลตัวเองได้ เรียกว่าทำให้เข้าใจหัวอกของพ่อแม่นั่นเอง ฉะนั้น พันธุ์หมาบ้า จึงเป็นหนังสือที่เปรียบได้ดั่งตำราชีวิตที่สมบูรณ์แบบเล่มหนึ่งซึ่งควรมีไว้เป็นหนังสือสามัญประจำบ้าน


จิราภรณ์

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รู้สึกได้ว่าผู้แนะนำประทับใจหนังสือเล่มนี้มากจนสามารถถ่ายทอดความประทับใจนั้นออกมาให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกว่าอยากตามไปอ่านเล่มจริง
การเล่าเรื่องอย่างย่อก็พอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ย่อหน้าลงท้ายไม่น่ามีคำว่าสรุป

8.5

Unknown กล่าวว่า...

ชอบมากค่ะ อ่านแล้วไม่เบื่อ มีข้อคิดและความสนุกปนคำพูดแบบฮาๆ..จะว่าไปก็มีสาระไม่ใช่น้อยนะคะ..ขอบคุณผู้แนะนำด้วยค่ะ..หนังสือดีดีหาอ่านยากมาก ..อ่านแล้วไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ