วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง


อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง
อภิชาติ เพชรลีลา
พิมพ์ครั้งที่ ๓
สำนักพิมพ์นกดวงจันทร์
๒๘๒ หน้า ภาพประกอบ
๒๒๐ บาท


“อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง” เป็นนวนิยายที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ชีวิตในวัยเรียนของ “สุรฉัตร เพชรลีลา” หรือ “อภิชาติ เพชรลีลา” คงจะเป็นชื่อที่พวกเราคุ้นหูกันดี เพราะสารคดีนิยายเรื่อง “กล่องไปรษณีย์สีแดง” ของเขาได้รับการดัดแปลงให้เหมาะสมแก่การสร้างเป็นภาพยนตร์ “เพื่อนสนิท”

“อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง” เป็นเรื่องราวการย้อนรำลึกถึงอดีตของชายหนุ่มนามธันวา ตั้งแต่เขาได้เป็นนักศึกษาน้องใหม่ที่เพิ่งจะสอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในคณะสังคมศาสตร์ เอกภูมิศาสตร์ เขามีความทรงจำอันอ่อนหวานของลมหนาว เขาได้เรียงร้อยตัวอักษรให้เราได้เห็นภาพอันตรึงตราของ “ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางต้นไม้ใบเขียวแก่วันฝนตก ใบไม้สดใสวันแดดจัด กลิ่นลมหนาวยังอยู่ในลมหายใจ เพื่อนรักจากกันไปไกลแสนไกล หญิงสาวผู้งดงามเหมือนดวงดาว ความรักติดตรึงใจช่างโง่เขลา ก้อนหินกับยอดหญ้าอ่อนโยน แม่น้ำวัยเยาว์ ภูเขาขี้เกียจ บ้านเชิงเขา หนังสือเล่มโปรดกับกาแฟหนึ่งถ้วย บทเพลงบรรเลงในร้านเหล้า ภาพวาดกับรูปถ่ายเก่าๆ และดอกกุหลาบสีเหลืองช่อนั้น”

ข้อดีของหนังสือเล่มนี้คือ รูปภาพบนปกหนังสือดึงดูดใจให้หยิบจับขึ้นมาดู เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วอ่านชื่อเรื่องก็ยิ่งเชิญชวนให้ติดตาม ว่า “...กลิ่นลมหนาวเป็นเช่นไรนะ...” ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ผู้เขียนใช้กลวิธีการเล่าเรื่องให้เราเห็นภาพราวกับเราได้ร่วมย้อนไปในอดีตสมัยนั้นจริงๆ อีกทั้งยังเล่าถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีต่างๆในท้องถิ่น ที่ผู้เขียนได้มีประสบการณ์จริงๆ สามารถสื่อถึงบรรยากาศในช่วงเวลานั้นๆได้ดี

ข้อดีต่อมาคือ ช่วงกลางของเรื่องเริ่มมีตัวละครหลากหลายกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจมากขึ้น มีจังหวะน่าประทับใจของวัยรุ่นที่ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิต และเสน่ห์ของเรื่องนี้อยู่ที่ภาษาของผู้เขียนที่ชวนให้อ่านได้อย่างสบายใจ ให้อารมณ์ความรู้สึกละเอียดอ่อนตลอดเล่ม ลมหนาวของเขาสวย และเราสัมผัสความรักลึกซึ้งในสายลมนั้นของธันวาได้จริง

หนังสือเล่มนี้มีบทจบทิ้งท้ายที่น่าประทับใจมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าผู้เขียนมิได้กล่าวถึงเพื่อนๆของธันวาที่มีชีวิตกระจัดกระจายแยกย้ายกันไป ทำให้อดสงสัยนึกไปว่าหลังจากนั้นพวกเขามีชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง ยังอยู่ดีกันหรืออย่างไร

คุณอภิชาติได้กล่าวไว้ในบทนำของหนังสือว่า "ความทรงจำอันงดงามของผม ล่องลอยอยู่รอบๆตัว ยามได้หวนคำนึงไปหา ความตั้งใจในการเขียน 'อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง' ก็คือ ผมอยากเก็บเรื่องราว ที่คล้ายลอยเหมือนยองใยกลางอากาศ มารวมไว้ในที่ซึ่งผมมั่นใจว่า ความทรงจำนั้น จะแจ่มแจ้งอยู่เสมอ ไม่ผุกร่อนไปตามกาลเวลา และโรยไปตามหัวใจที่กร้านขึ้น เมื่อเราเติบโตขึ้น" และ สำหรับลูกช้าง(มช.) ทุกๆท่าน “เพียงแค่พลิกไปอ่านก็กลับคืนสู่บ้านเดิม” ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาหนังสือสักเล่มที่เป็นเรื่องราวการรำลึกถึงอดีตอันงดงาม ชวนให้หวนนึกถึงวันวาน ขอแนะนำให้ลองหยิบ “อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง” แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับ “อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง” เลย

“ก่อนลมหนาวมา ไม่ทันรู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่ง กลิ่นหอมอ่อนๆของลมหนาวก็โชยทัก กลิ่นของลมหนาวเป็นเช่นไรนะ แต่ละคนคงสัมผัสได้ไม่เหมือนกัน สำหรับฉันแล้ว... กลิ่นลมหนาวหวนให้รำลึกถึงคืนวันเก่าๆ ทั้งหอมชื่นใจทั้งอบอุ่น รู้สึกปลอดโปร่งและสดชื่น สัมผัสคุ้นเคยเหมือนเพื่อนเก่า เพื่อนเล่นที่แฝงอยู่ในความทรงจำครั้งเยาว์วัย สัมผัสแรกนั้นรู้สึกวูบวาบ ผ่านมาทักทายแล้วจากไป คว้าเอาไว้ไม่เคยทัน เว้นแต่เธอจะหวนมาเอง” (ปกหลัง)


พลอยพชร

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีรายละเอียดใช้ได้ ไม่ชอบที่ขึ้นต้นย่อหน้าว่าด้วยข้อดี คือควรพูดถึงลักษระเด่นโดยไม่เป็นการยัดเยียดให้ผู้อ่านรู้สึกน่าจะดีกว่า ถ้าตัดออกก็ไม่เสียความ

ยกข้อความปกหลังมาปิดท้ายแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อความนี้เลย ต้องใส่วงเล็บปิดว่า ปกหลัง เพื่อขยายความแทน น่าจะจบบทแนะนำหนังสือให้ดีกว่านี้


7.5