วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551

shine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียง

ชนาพร

หากตอนนี้ชีวิตใครกำลังรู้สึกแย่หรือรู้สึกท้อแท้ หรือรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรดี หากได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Shine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียง คุณจะได้กำลังใจในการต่อสู้ชีวิตได้เป็นอย่างดี

ภาพยนตร์เรื่อง “shine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียง” เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงของเดวิด นักเปียโนชื่อดังที่ในวัยเด็กมีชีวิตกดดันจากผู้เป็นพ่อให้เดวิดฝึกฝนการเล่นเปียโนอย่างหนักบวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวทำให้เดวิดได้รับทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังด้านดนตรีในอังกฤษแต่ด้วยความกดดันที่ถูกสะสมส่งผลให้จิตใจของเขาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนกลายเป็นคนสติแตก จิตแพทย์สั่งห้ามเล่นเปียโนตลอดชีวิตแต่ทว่าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่เขารักและความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคบวกกับได้แรงใจที่ดีจากภรรยาทำให้เขามารถเอาชนะโรคร้ายและกลายเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงอย่างที่ใจปรารถนา

หากจะเปรียบความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้กับเครื่องเล่นในสวนสนุกสักชิ้น ดิฉันขอเปรียบกับแกรนด์แครนยอนหรือล่องแก่งที่ตอนแรกดำเนินเรื่องไปเรื่อยแต่เร้าใจช่วงตอนกลางของเรื่องแล้วปิดท้ายอย่างเรื่อยๆจบด้วยดีไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หากคนดูไม่ได้เป็นคนชอบหนังแนวดราม่าหรือแนวชีวิตจริงๆอาจเบื่อจนพลอยไม่อยากดูได้


เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมานานประมาณสมัยปีค.ศ.1996 ทำให้เทคโนโลยีสื่ออาจยังไม่พัฒนามากนักเหมือนในปัจจุบันเลยทำให้การลำดับภาพค่อนข้างมีปัญหา เช่น การตัดภาพช่วงอายุของตัวเอก คือเดวิด สลับไปสลับมาเดี๋ยวก็ช่วงเด็ก เดียวก็มาวัยรุ่นแล้วก็ตัดไปวัยกลางคน เดี๋ยวก็กลับมาวัยรุ่นอีกทำให้คนดูค่อนข้างสับสนและถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องราวมาก่อนแล้วมาดูเกิดความสับสนและเกิดคำถามว่าชายคนนี้ใช่เดวิดหรือเปล่าแต่ทว่าโชคดีที่จุดแข็งของเรื่องอยู่ที่การเน้นการกระทำและความรู้สึกของตัวละครได้ออกมาชัดเจนและสมจริงทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและตัวละครเอกล้วนมีเหตุผลในการกระทำอย่างชัดเจน เช่น พ่อของเดวิดที่เลี้ยงลูกอย่างกดดันและตั้งความหวังกับลูกๆไว้สูงเพราะเขามีความคิดที่ว่าคนที่จะอยู่ในสังคมได้คือคนที่เก่งและแข็งแกร่งและความกดดันที่เขาได้รับจากการเลี้ยงดูของพ่อของเขาที่ห้ามไม่ให้เล่นดนตรีซึ่งจุดนี้มีผลทำให้เขาต้องการปั้นให้เดวิดซึ่งเป็นลูกเขาเป็นนักเปียโนที่เก่งเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็กส่วนตัวเดวิดนั้นเหตุที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเพราะความกดดันที่เขาได้รับว่าเขาต้องเก่ง ต้องเป็นผู้ชนะส่งผลให้เกิดความเครียดและความกดดันสะสมอย่างรุนแรงจนเมื่อถึงจุดๆหนึ่งอาการก็ปรากฏออกมาแต่ทว่าเพราะกำลังใจจากภรรยาของเขาและความรักในเสียงแห่งเปียโนทำให้เขายืนหยัดที่จะต่อสู้จนสามารถเอาชนะโรคร้ายและสานฝันของตัวเองให้สำเร็จ นอกจากนี้แสดงออกถึงความขัดแย้งของมนุษย์กับมนุษย์ เช่น ตอนที่พ่อของเดวิดห้าไม่ให้เดวิดไปลอนดอนเพราะไม่ต้องการให้เดวิด ลูกชายที่เขารักนั้นต้องห่างอกของเขาแต่เดวิดต้องการจะไปเรียนต่อเพราะต้องการสานฝันให้สำเร็จทำให้เกิดการทะเลาะกันรุนแรงถึงขนาดต่อยตีกัน เป็นต้นและ

ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสังคมที่สะท้อนให้เห็นคือตอนที่เดวิดซึ่งขณะนั้นเป็นโรคด้านสติเข้าไปในร้านอาหารของซิลเวียเพื่อต้องการเล่นเปียโน ก่อนแสดงคนในร้านดูถูกและโห่ร้องไล่เดวิดออกไปจากร้านแต่พอเดวิดได้ลงมือบรรเลงเปียโนคนทั้งร้านถึงกับอึ้งในความสามารถและกลับกลายเป็นยกย่องจนเดวิมีชื่อเยงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น


ด้านฉากและบรรยากาศทำให้ดิฉันรู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นชนบทแนวครันทรี่ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฉากบ้านของเดวิดสะท้อนให้เห็นถึงความแออัดและบ้านของเดวิดที่ล้อมรอบด้วยสังกะสีทำให้รู้สึกถึงการปิดกั้นให้พ้นจากการติดต่อกับเพื่อนบ้านและด้วยฤดูต่างๆที่ปรากฏในฉากเช่น ฤดูหนาวที่หิมะโปรยปรายและฤดูใบไม้ร่วงที่แห้งแล้งเปรียบเสมือนตัวแทนอารมณ์ของตัวละครเอกอย่างเดวิดที่หดหู่และกดดันได้เป็นอย่างดีและแกฤดูใบไม้ผลิทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ชื่นและความอบอุ่นของเดวิด


ด้านแก่นของเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่าปัญหาทุกปัญหาคือแบบทดสอบจากสวรรค์และเมื่อคนเราผ่านไปได้ก็เหมือนกับชีวิตพ้นผ่านความมืดและได้รับแสงแห่งความสำเร็จอย่างชื่อเรื่องที่ตั้งว่าShine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียง เพราะสวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนที่มีความมุมานะ


สำหรับภาพยนตร์เรื่องShine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียงเหมาะกับผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวชีวิตดราม่าหรือคนที่ต้องการแรงใจในการดำเนินชีวิตเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้แฝงข้อคิดดีๆที่สามารถนำมาเป็นข้อคิดสะกิดใจในการดำรงชีวิตและความวาบซึ้งกินใจที่คอหนังแนวดราม่าไม่ควรพลาด