วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine


สราวุธ


ภาพยนตร์สะท้อนชีวิตของคนหนึ่งคน ที่ถูกผู้อื่นตั้งความหวังไว้มาก และเมื่อทำไม่ได้ก็จะเก็บกด เนื่องจากถูกกดดันจากคนรอบข้าง ภาพยนตร์ที่จะแนะนำนี้ ก็คือ Shine เป็นภาพยนตร์ที่กำกับการแสดงโดย Vicki Niehus เนื้อเรื่องโดย Scott Hicks


เดวิดเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในครอบครัว และมีน้องสาวอีก พ่ออยากให้เดวิดเล่นเปียโน จึงฝึกฝนให้เดวิดเล่นเปียโน และก็ให้ขึ้นแสดงเปียโน ครั้งแรกที่เดวิดขึ้นแสดงนั้น เดวิดตื่นเต้น กดเปียโนแรงมาก จนเปียโนเลื่อนออกจากตัวเรื่อย ๆ พ่อของเดวิดไม่พอใจ เพราะทำเปียโนเลื่อน จึงสบถออกมาว่า "อับอายขายขี้หน้า" แต่เมื่อผู้ชมทั้งหมดปรบมือแล้วชมเดวิดว่า เล่นเก่ง พ่อกลับออกหน้ารับคำชมเหล่านั้นด้วยความภาคภูมิใจ พ่อของเดวิดชอบดนตรี เมื่อสมัยตอนเด็ก เก็บเงินซื้อ ไวโอลิน แต่ว่าพ่อของปีเตอร์ไม่ยอมให้เล่นดนตรี จึงเอาไวโอลินฟาดจนหัก พ่อของเดวิดจึงอยากให้เดวิดเล่นดนตรีตามความฝันของตนเองซึ่งตนเองไม่สามารถทำได้ และจะบอกกับเดวิดเสมอว่า "ลูกเป็นคนโชคดี"


ในวันนั้นเองมีคนมากดสัญญาณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในคะกรรมการที่ตัดสินจากเวทีแรกของเดวิด มาชมเดวิดและมอบรางวัลความกล้าให้กับเดวิด พ่อของเดวิดโอ้อวดว่า ตนเองเป็นครูของเดวิด และตนเองก็ไม่เคยมีครูดนตรีด้วย แต่สามารถสอนเดวิดให้เก่งได้แบบนี้ พ่อจะสอนเดวิดเสมอว่า "เราต้องชนะ" และแล้วพ่อของเดวิดก็ตัดสินใจพาเดวิดไปหา คณะกรรมการคนนั้นเพื่อให้มาเป็นศิษย์ เมื่อเดวิดโตขึ้น เดวิดชนะการประกวด และได้รับรางวัลจากบุคลผู้มีชื่อเสียงทางด้านดนตรี ซึ่งได้เอ่ยปากชวนเดวิดไปเรียนดนตรีต่อที่อเมริกา ซึ่งพ่อไม่เห็นด้วยที่เดวิดจะไปอเมริกา ข่าวของเดวิดโด่งดัง เดวิดกลายเป็นคนดัง และได้เริ่มเข้าสังคม เดวิดได้รับคำชมมากมาย พ่อของเดวิดก็ได้รับคำชมไปด้วย


วันหนึ่งเดวิดได้รับจดหมายตอบกลับจากอเมริกา เดวิดอ่านจดหมายนั้นให้คนในครอบครัวฟังอย่างสนุกสนาน มีความสุข พ่อไม่พอใจ เอจดหมายไปเผาทิ้ง ไม่ยอมให้เดวิดไปอเมริกา จากนั้นเดวิดเริ่มเสียสติ เดวิดแพ้การแข่งขันในรั้งหนึ่ง พ่อของเดวิดรับไม่ได้ และออกจากเวทีการประกวด กลับไปรอที่บ้าน เมื่อเดวิดกลับถึงบ้าน เดวิดหยิบจดหมายทุนจากอเมริกาให้พ่อดู พ่อทุบตีเดวิดด้วยความโกรธ ในวันนั้นเอง เดวิดได้ก้าวออกจากบ้านของตนเองโดยถูกตัดขาดความเป็นครอบครัว เดวิดเรียนต่อที่อเมริกา และเล่นเปียโนอย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้ายเป็นโรคทางจิตไปในที่สุด แต่ถึงกระนั้นฝีมือการเล่นเปียโนของเดวิดก็ยังเป็นเลิศอยู่ ในวันที่ฝนตก เดวิดกลับเข้ามาในร้านอาหาร และเล่นเปียโน แขกในร้านบชื่นชมในฝีมือการเล่นเปียโนของเดวิด จากนั้นเดวิดกับพ่อได้เจอกันที่บ้านของเดวิด พ่อทำตัวเป็นคนเก่งสำหรับเดวิดตามปกติอยู่เสมอ พ่อบอกว่า "ไม่มีใครรักแกเท่าพ่ออีกแล้ว" แล้วก็กอดเดวิดไว้ จากนั้นก็มอบเหรียญให้กับเดวิด เดวิดหันหลังพูดกับพ่อ เมื่อหันกลับมาปรากฏว่าพ่อได้จากไปแล้ว


เดวิดออกมาเล่นของเล่นเด็ก กระโดดยิ้มร่าด้วยความดีใจ เดวิดได้แต่งงานในบั้นปลายของชีวิต เดวิดได้เล่นเปียโน ผู้ชมปรบมือให้กับเดวิดและให้เดวิดเล่นอีกเพลง เดวิดปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล หลังจากนั้นเดวิด ได้ไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อ และพูดกล่าวกับภรรยาของตนเองด้วยคำพูดที่พ่อชอบพูดว่า "ชีวิตต้องดิ้นรน"
เปิดฉากด้วยบรรยากาศที่ฝนตก ตัวละครหลัก (ชื่อเดวิด) วิ่งตากฝนลงมาจากรถยนต์ พยายามที่จะหาร้านอาหารเนื่องด้วยความหิวโซ และแล้วก็เข้ามาที่ร้านแห่งหนึ่ง บริกรในร้านรับมือกับเดวิดไม่ได้ เนื่องจากพูดเร็วมากแล้วก็พูดไม่หยุด แต่ด้วยการพูดจาที่สร้างเสียงหัวเราะของเดวิด กลับทำให้ผู้คนในร้านรู้สึกสนุกสนานไปตาม ๆ กัน เดวิดมักจะพูดพร่ำถึงเรื่องของพ่อตัวเองเสมอ ๆ ฉากส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของเดวิด และเวทีการแสดง ซึ่งบรรยากาศที่ให้ในบ้านจะเป็นบรรยากาศอึมครึมเสมอ ไม่ค่อยจะมีความสดใสภายในบ้านเลย ส่วนเวทีการประกวดล้วนแต่มีผู้ชมมากมายให้บรรยากาศที่กดดัน เคร่งเครียด ระยะเวลาของภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเล่าเรื่องตังแต่สมัยเดวิดเป็นเด็กไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตที่แก่เถ้า

ตัวละครหลัก เดวิดเป็นตัวละครด้านเดียว มีลักษณะนิสัยอย่างเดียว ที่แสดงออกมาได้ชัด นั่นคือ เป็นคนซื่อที่ไม่คิดอะไรกับสิ่งรอบข้างทั้งนั้น เดวิดเป็นคนที่อยู่ในโอวาสและเชื่อฟังพ่อเสมอ แต่เนื่องด้วยการถูกพ่อบังคับและกดดัน ทำให้เดวิดทำตามใจตนเอง และเลือกที่จะออกจากบ้านมาใช้ชีวิตในสิ่งที่ตนเองชอบ
ตัวละครรอง ปีเตอร์ พ่อของเดวิด เป็นตัวละครด้านเดียวเช่นกัน นั่นคือ รักลูกมาก แต่ก็อยากที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ถึงแม้ว่าผู้ที่ทำตามความฝันนั้นไม่ใช่ตนเอง แต่ก็ได้ฝากความฝันเอาไว้กับลูกของตนเอง ปีเตอร์เป็นคนที่หัวรั้นไม่ฟังใคร และมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง จะเชื่อเสมอว่าสิ่งที่ตนคิดนั้น เป็นเรื่องที่ถูกเสมอ แต่ลืมมองข้ามความรู้สึกของลูกไป จึงเกิดความผิดพลาดขึ้นในครอบครัว

แก่นเรื่อง เป็นเรื่องของความฝัน ถึงแม้ว่าเดวิด จะถูกสอนให้เล่นเปียโนตามความฝันของพ่อ แต่เดวิดเองก็ชอบเล่นเปียโนด้วย เมื่อเดวิดชอบเปียโน เดวิดก็อยากจะตามความฝันที่รักเปียโน และจะสามารถเล่นเปียโนได้อย่างเชี่ยวชาญ และเดวิดก็กล้าที่จะขัดคำสั่งพ่อ และออกจากบ้านเพื่อตามหาความฝัน

ความขัดแย้ง เป็นการขัดแย้งระหว่าง มนุษย์กับมนุษย์ เดวิดขัดแย้งปีเตอร์ เดวิดอยากจะไปเรียนดนตรีต่อที่อเมริกา ซึ่งถูกขัดกับปีเตอร์ที่ไม่อยากให้เดวิดไปอเมริกา ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น นั่นคือ เดวิดเลือกที่จะตัดขาดกับปีเตอร์แล้วไปเรียนดนตรีต่อที่อเมริกา ในเรื่องนี้มีความขัดแย้งภายในจิตใจด้วย เดวิดชื่นชอบเปียโนที่ตนเองเล่นมาก ทั้งที่อยากไปอเมริกา แต่เดวิดก็ขัดแย้งว่า จะไปหรือไม่ไปดี เนื่องจากปีเตอร์ไม่อยากให้ไป ในช่วงแรก ๆ ปีเตอร์จะขัดกับจิตใจ แต่ก็ยอมอยู่กับพ่อที่บ้าน แต่เมื่อมีจดหมายตอบรับมาจากอเมริกาทำให้เดวิดตัดสินที่จะไป และทำตามจิตใจของตนเอง ในด้านของพฤติกรรมตัวละคร เดวิดเป็นคนที่เก็บกด จนเป็นโรคทางจิต สะท้อนให้เห็นว่า เดวิดถูกป้อนให้ทำตามที่พ่ออยากทำ ถูกป้อนตั้งแต่เด็ก ทำให้เดวิดได้เรียนรู้สิ่งที่เกินตัวมาตั้งแต่เด็ก และด้วยจากการที่ฟังแต่พ่อ จึงส่งผลให้เดวิดทำอะไรเองไม่เป็น และเมื่อถูกคาดหวังสูง และตามที่พ่อคาดหวังไม่ได้ เดวิดถูกดุด่า เดวิดจึงอยากไปเรียนดนตรีที่อเมริกา เพื่อให้ตนเองมีฝีมือที่เก่งขึ้น พ่อไม่ให้ไป ไม่เห็นด้วย แต่เดวิดแสดงท่าทีอยากไป พ่อจึงทุบตีเดวิด ทำให้เดวิด ควบคุมสติไม่ได้ จากนั้นเดวิดก็มีอาการผิดปกติทางจิต


ชื่อเรื่อง Shine สอดคล้องกับ ลักษณะชีวิตของเดวิด เดวิดเป็นคนที่เฉิดฉายอยู่ตลอดเวลา โด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุด ถึงแม้ว่าเดวิดจะเป็นปัญหาทางจิตก็ตาม แต่ถึงกระนั้นแล้วผู้คนต่างก็ชื่นชมและยอมรับในฝีมือการเล่นเปียโนของเดวิด เป็นดาวที่จรัสแสงอย่างไม่มีวันดับ

ดิฉันชอบเรื่องนี้ เนื่องจากเดวิดไล่ตามความฝันของตนเอง สามารถตัดสินใจเองได้ว่า ตนเองนั้นควรจะทำอย่างไรกับความฝันของตนเองที่ตนเองชื่นชอบและปรารถนา เนื่องจากที่ผ่านมานั้น เดวิดคอยฟังพ่ออยู่เสมอ พ่อสั่งให้ทำอย่างไรก็ทำตาม ห้ามอย่างไรก็ไม่ทำ ไม่รู้ว่าถ้าไม่มีพ่อจะทำอะไรเป็นบ้าง เมื่อเดวิดตัดสินใจที่จะไม่เชื่อฟังพ่ออีกต่อไปและตัดขาดจากทางครอบครัว ไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า “ความฝันนั้นช่างงดงามยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้”