วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Shine


ตวงพร



เดวิด เฮพก็อต เด็กชายชาวยิวซึ่งถูกผู้เป็นพ่อเคี่ยวเข็ญให้เล่นเปียโนเพื่อการแข่งขันต่างๆ จนได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา แต่พ่อกลับไม่ยอมให้ไป เขาจึงต้องใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไป เดวิดได้พบกับแคทเธอริน เธอเป็นที่พึ่งทางใจทำให้เดวิดมีความเข้มแข็งมากขึ้นและตัดสินใจตอบรับคำเชิญไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ โดยไม่ฟังคำคัดค้านของพ่อ เขาจึงถูกประกาศตัดพ่อตัดลูกนับแต่วันนั้น ที่ลอนดอนเดวิดได้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมเพลงของโรมานินอฟ ซึ่งเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดจนได้รับรางวัลชนะเลิศ แต่เมื่อแสดงจบเดวิดกลับล้มลงหมดสติบนเวที


เดวิดกลายเป็นคนไข้จิตเวชที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเกือบ 20 ปี โดยที่หมอสั่งห้ามเขาเล่นเปียโนอีกต่อไป หลังออกจากโรงพยาบาลเดวิดมีความสุขกับการได้เล่นเปียโนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นั่นเขาได้พบกับพ่อของเขาอีกครั้ง แม้ว่าพ่อจะเปิดโอกาสให้เขากลับบ้าน แต่เดวิดพอใจและมีความสุขกับสิ่งที่ทำในตอนนี้ พ่อทนรับกับความผิดปกติทางจิตของเดวิดไม่ได้จึงทิ้งเดวิดไปอีกครั้ง ต่อมาเดวิดได้พบกับกิลเลียน เธอเห็นความน่ารักในตัวเดวิดจนเกิดความประทับใจ จนในที่สุดทั้งคู่ก็แต่งงานกัน การได้รับความรักเป็นการเยียวยาทำให้เดวิดกลับมาเล่นตอนเสิร์ตได้อีกครั้ง ท่ามกลางความยินดีของแม่และน้องสาว แต่น่าเสียดายที่พ่อของเขาจากไปก่อนที่จะเห็นความสำเร็จของเขา

เรื่องราวได้เปิดฉากด้วยเสียงฟ้าร้องในคืนฝนพรำ ชายซึ่งมีลักษณะท่าทางแปลกๆ พูดพึมพำคนเดียว วิ่งตากฝนไปตามถนนแล้วไปหยุดยืนจ้องเปียโนที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นหนังได้เล่าย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตของเดวิด เขาไม่เคยได้สัมผัสกับชีวิตที่สนุกสนานในวัยเด็ก ทุกๆวันจะต้องฝึกซ้อมเล่นเปียโนตามที่พ่อปรารถนา จนบางครั้งเหมือนจะเกินกว่าความสามารถของเขาไป พ่อมักจะพร่ำบอกอยู่เสมอว่าเดวิด”โชคดี”ที่มีโอกาสได้เล่นดนตรีอย่างที่พ่อของเขาไม่เคยได้รับ ผู้เป็นพ่อพยายามใช้ชีวิตวัยเด็กผ่านเดวิด คือเคี่ยวเข็ญให้ลูกเล่นดนตรีเพื่อเต็มเต็มความฝันที่ขาดหายไปให้ตัวเองชีวิตของเดวิดจึงต้องจมอยู่กับความเผด็จการของพ่อที่เอาความเจ็บปวดในวัยเด็กของตนมาเป็นหลักในการบริหารครอบครัว เขาต้องการให้ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตลอดไปและทึกทักว่าสิ่งที่ตนให้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกแล้ว เห็นได้จากการที่เดวิดถูกห้ามไม่ให้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา

ตัวละครของพ่อมีความขัดแย้งในตนเองอยู่ คือเป็นตัวละครสำคัญที่คอยผลักดันให้ลูกเล่นเปียโนและเข้าแข่งขันจนได้รับรางวัลชนะเลิศ แต่เมื่อเดวิดได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อ ผู้เป็นพ่อกลับห้ามไม่ให้ไป ทำให้เดวิดต้องติดอยู่กับชีวิตเก่าๆ ที่ไม่มีทางพัฒนาสมกับความสามารถของเขา เพราะความริษยาและเห็นแก่ตัวของพ่อเห็นได้จากสีหน้าของพ่อเมื่อเดวิดได้รับทุนการศึกษาและเมื่อมีผู้พูดว่า”บุตรชายของคุณเป็นหน้าเป็นตาให้คุณ” แต่ในทางกลับกันผู้เป็นพ่อก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์อันอบอุ่น อ่อนโยนด้วย เป็นความขัดแย้งทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังปรากฏความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์คือพ่อกับเดวิด ในขณะที่เดวิดดีใจเมื่อได้รับทุนการศึกษาและตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อ แต่พ่อกลับสั่งห้ามไม่ให้ไป ความขัดแย้งนี้นำไปสู่จุดหักเหของเรื่อง คือเมื่อเดวิดตัดสินใจไปเรียนที่ประเทศอังกฤษโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพ่อ เป็นชนวนให้เกิดการแตกหักของครอบครัวและเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาเอง

เรื่องราวได้ดำเนินขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อเดวิดตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษและฝึกเล่นเพลงโรมานินอฟซึ่งไม่มีใครอาจหาญเล่น ไคลแม็กซ์คือเขาชนะการแข่งขันแต่กลับล้มลงหมดสติเมื่อเล่นเพลงจบ ... เดวิดได้ไปถึงจุดสุดยอดทางเปียโน แล้วชีวิตเขาก็ตกลงมา หลังจากนั้นเรื่องเริ่มคลี่คลายลงและได้เล่าถึงบทถัดไปซึ่งเป็นชีวิตใหม่หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลเกือบ 20 ปีของเดวิด ชีวิตของเขาค่อยๆ กลับฟื้นคืนสภาพ แม้เดวิดจะไม่เหมือนเดิม คือพูดจากซ้ำไปมาถึงเรื่องในอดีตที่พ่อสอนไว้ว่า “คนฟิตเท่านั้นที่จะอยู่ได้ คนอ่อนแอจะถูกบี้เหมือนแมลง” เดวิดการจมอยู่กับตราบาปในใจถึงสิ่งที่เขาทำให้ครอบครัวต้องพังลงและทำให้พ่อต้องผิดหวังในตัวเขา

ฉากของเรื่องได้เปิดฉากด้วยบรรยากาศวันฝนตกเหมือนมรสุมในชีวิตของเดวิดตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยกลางคน เหมือนจิตใจของเดวิดที่มีความรู้สึกผิด เขาหวังจะได้รับการอภัยให้จากพ่อตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ภาพตัดมาถึงเดวิดหลังเพิ่งออกจากโรงบาลมาก็จะเห็นบรรยากาศฝนตก เหมือนหนทางอันมืดมนของเขา แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส หลังจากที่เลือกทางเดินชีวิตของตนเอง เดวิดก็ได้พบพานกับความสุขสมหวังและได้รับความรักที่มาเติมเต็มแล้ว เมฆหมอกก็เริ่มคลี่คลายออกให้เห็นท้องฟ้าอันเจิดจรัส มีเสียงนกร้องเพลงแสดงถึงความสุขในยามที่เขาได้เล่นเปียโนซึ่งดูเหมือนจะฉุดเขาออกมาจากอาการผิดปกติทางจิตด้วย ท้ายที่สุดเดวิดก็ได้รับความสุขที่ทดแทนกับชีวิตในวัยเด็กที่ขาดหายไปดั่งแสงที่สาดส่องลงมา ดั่งชื่อเรื่อง Shine