วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ตอแหลลงตับ


ตอแหลลงตับ
พิง ลำพระเพลิง
พิมพ์ครั้งที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๔๖
สำนักพิมพ์ Lemon Tea
๒๔๐ หน้า ภาพประกอบ
๑๕๙ บาท


หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า “ ตอแหล ” คงรู้สึกเจ็บแบบขำขัน แต่อย่างน้อยก็ฟังน่าคบกว่าคำว่า โกหก บางครั้งการตอแหลก็มีประโยชน์อย่างมหาศาล “ หมอบอกคนไข้ระยะสุดท้ายว่า คุณยังมีหวัง สู้นะ... ตอแหลไหม ? ” “ ผู้ใหญ่หลอกเด็กว่า นี่ท้อฟฟี่ ไม่ใช่ยา...ตอแหลไหม ? ” แม้ฝรั่งก็ยังให้ความสำคัญขนาดมีวันตอแหลแห่งชาติ..สนุกไป ถ้า “ ตอแหล ” แล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แอบตอแหลบ้างก็คงจะไม่เป็นไร

สำหรับหนังสือ “ ตอแหลลงตับ ” เล่มนี้ เป็นหนังสือที่น่าอ่านเล่มหนึ่ง ผู้เขียนมีศิลปะในการ “ ตอแหล ” อย่างแนบเนียนจนทำให้ตัวผู้อ่านอดไม่ได้ที่จะยอมเชื่อในคำตอแหลนั้นอย่างตั้งใจ ด้วยวิธีการเรียงร้อยถ้อยคำที่ใช้จินตนาการเหลือคณานับ ผสมผสานกับภาษาแห่งกวีที่มีศิลปะในการเขียน จึงทำให้ผู้อ่านจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจกับหนังสือเล่มนี้ การันตีได้จากมีการตีพิมพ์ออกจำหน่ายมากถึง ๘ ครั้ง ผลงานการ “ ตอแหล ” ชิ้นนี้ เป็นของนักเขียนอารมณ์ดี “ พิง ลำพระเพลิง ” ผู้มีฝีมือทางด้านการเขียน และยังมีความสามารถทางด้านการแสดง “ แพนโธมาย ” หรือ “ ละครใบ้ ” ด้วยความที่เขามีความเป็นศิลปินในวิญญาณอย่างแท้จริง หนังสือเล่มนี้จึงถือได้ว่า เป็นผลพลอยได้จากศิลปะแห่งชีวิตที่มีในตัวเขา

“ ตอแหลลงตับ ” มีความแปลกแหวกแนวไปจากหนังสือเล่มอื่นๆ เริ่มตั้งแต่ภาพประกอบปก เป็นภาพที่ดูง่าย สีสันสดใสให้ความรู้สึกสบายใจเมื่อได้มอง เปรียบเสมือนภาพแห่งจินตนาการที่มองแล้วทำให้อมยิ้มอย่างสุขใจ ทั้งภาพประกอบในเล่มก็มีความหมายที่แฝงไว้ในความเรียบง่ายและมีนัยให้คิดตามเรื่องที่อ่าน ยิ่งได้อ่านเนื้อหาก็ถึงกับรู้สึกประหลาดใจที่นักเขียนผู้นี้สามารถทำเรื่องที่เข้าใจยากให้เข้าใจง่าย เขาเพียงใช้ถ้อยคำและจินตนาการง่ายๆ เป็นสะพานสื่อให้เห็นภาพของการมองโลกในแง่ดีที่มีอยู่ทุกที่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์

เขาเริ่มบทนำว่า “ คำในใจ ( ไม่ตอแหล ) ” อ่านแล้วยิ่งรู้สึกอยากเชื่อในความตอแหลของเขา เพราะข้อความที่กล่าวมานั้น เป็นข้อความที่ซื่อๆ แบบจริงใจดังที่ว่า “ ท่านเป็นผู้โชคดีที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ขอให้ท่านส่งผ่านความโชคดีนี้ไปยังญาติสนิทมิตรสหายและคนรู้จัก ด้วยการซื้อหนังสือเล่มนี้แจกจ่ายต่อไปอีกเก้าเล่มเพื่อประโยชน์สุข...แต่ถ้าท่านอ่านแล้วไม่ทำตาม สาธุ...พูดแล้วขนลุก คนมีของอย่าลองดี สตรีมีครรภ์อย่าร้องทัก ขอให้ดูแจ็ค ดอว์สันเป็นตัวอย่าง นั่งเล่นไพ่อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนขึ้นเรือไททานิค แล้วไม่ยอมซื้อแจกคนอื่นอีกเก้าเล่ม ผลเป็นยังไง..สมน้ำหน้า ” แค่คำนำก็นำความตลกขบขันผสมผสานความจริงใจมาสู่ผู้อ่านแล้ว ถ้าหากเปิดอ่านทั้งเล่มผลจะเป็นอย่างไร....คงสนุกเกินคำบรรยาย จนต่อมเอ็นโดฟินต้องทำงานหนัก

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นจินตนาการ เบาสมอง แต่สอดแทรกแง่คิดดีๆ ให้ผู้อ่านกลับไปคิดทบทวนโดยไม่รู้ตัว มีทั้งหมด ๒๔ เรื่อง อาทิเช่น
“ เลือดใน

อกเขาอกเรา ” เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งถูกคนทั้งหลายที่ได้ชื่อว่า มาร... ทำร้ายเธอทั้งกายและใจ และทิ้งมารหัวขนที่เกิดในตัวของเธอให้เธอเลี้ยงตามลำพัง แต่เธอก็ยอมแล้วที่จะเดินไปตามทางที่ถูกต้อง ดังที่เธอคิดว่า “ ถ้าโลกนี้จะต้องเต็มไปด้วยมารจริงๆ แล้วล่ะก็ หล่อนขอเลือกเป็นมารที่มีแต่ความรัก มารที่มีแต่การให้ด้วยใจบริสุทธิ์ เธอพร้อมแล้วสำหรับที่จะก้าวไปสู่การเป็น มารดา ” จากข้อความข้างต้น “ พิง ลำพระเพลิง ” มีลีลาในการเล่นคำได้อย่างคมคาย และจบข้อคิดที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจ จนอดไม่ได้ที่จะต้องอ่านไป ยิ้มไป ซึ้งไปจนน้ำตาซึม

หรืออย่างเรื่อง “ โอ้เจ้าพระยาลาก่อน ” ผู้เขียนเริ่มนำเรื่องว่า " แม่น้ำเจ้าพระยาคืนนี้แลดูบอบช้ำเหลือเกิน ทั่วเรือนร่างซูบซีดหมองคล้ำลงไปถนัดตา กายเจ้าไม่เต้นระยิบหยอกล้อแสงจันทร์ดังเคย ไม่มีแล้วแม่น้ำที่สดใสร่าเริง เจ้ากำลังนอนสงบนิ่งอิงอ้อยสร้อย ลมหายใจขาดห้วงๆ รวยระรินแผ่วผ่านผิวน้ำเป็นละลอกเจ้ากำลังจะตาย พระจันทร์ร้องไห้กับดาวลูกไก่ในกำมือ โรคร้ายที่เรื้อรังที่เจ้าเป็น มันคงทรมานมาก หมดหนทางจะหายขาด เพราะไร้ใครสนใจจะเยียวยา" ผู้เขียนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการเขียน โดยใช้กลวิธีบุคลาธิษฐานเข้ามาช่วยพรรณนาให้เห็นภาพพจน์ที่ชัดเจน นำเรื่องในชีวิตประจำวันมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิดที่ประทับใจ และยังมีการทิ้งท้ายได้อย่างงดงามให้ผู้อ่านกลับไปคิดทบทวนด้วยตัวเอง ดังที่ว่า “ สงสารก็แต่ร่างเจ้า คงอืดเน่าเหม็นฟุ้งคู่ประเทศนี้ไปอีกนานแสนนาน ” ถือได้ว่า ผู้เขียนมีกลวิธีในการนำเสนอภาพชีวิตประจำวัน โดยการใช้ถ้อยคำประชดประชันกึ่งสมเพช ทำให้เห็นภาพชัดเจน และให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ จาก “ ตอแหลลงตับ ” ซึ่งรวบรวมเรื่องราวสนุกสนานที่อ่านแล้วชวนให้ท้อและมีความหวังขึ้นมาพร้อมๆ กันไว้มากมาย ถือได้ว่างานของเขาเป็นงานที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างมโหฬารในความรู้สึก เขานำเสนอแนวคิดที่น่ากลัว ผ่านเรื่องราวที่ขบขัน และจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยไมตรีจิตที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ

เรื่องราวแห่งจินตนาการอันแสนเฉียบคม กำลังรอให้ท่านได้ลองสัมผัสเพื่อเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของชีวิตที่แฝงภายใต้ตัวอักษรที่เรียบเรียงอย่างเรียบง่าย ความพิถีพิถันเพื่อให้เรื่องสั้นทั้งหมดเป็นเรื่องที่อ่านง่าย ชนิดที่เรียกว่า อ่านแล้วลื่นไหล ไร้กังวล และยังเปิดโลกแห่งความคิดของผู้อ่านให้โลดแล่นไปบนจินตนาการที่มีพื้นฐานแห่งความจริง รอท่านอยู่ที่นี่...ในเล่มนี้...“ ตอแหลลงตับ ”


กุลธิดา

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า ตอแหล จะฟังดูดีกว่า โกหก แต่ผู้แนะนำหนังสือก็พยายามสร้างความรู้สึกเช่นนั้นและย้ำว่า ตอแหล ในเล่มนี้เป็นเรื่องน่าเอ็นดูไป อ่านบทแนะนำแล้วก็ชวนให้ไปอ่านเล่มจริงกันต่อ แม้ว่าจะไม่ชอบพิงเป็นการส่วนตัวเอาซะเลย

8