
ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต
LAI DON JIN เขียน
วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์ แปล
248 หน้า ราคา 165 บาท
พิมพ์ครั้งที่ 29 สำนักพิมพ์ INSPIRE
LAI DON JIN เขียน
วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์ แปล
248 หน้า ราคา 165 บาท
พิมพ์ครั้งที่ 29 สำนักพิมพ์ INSPIRE
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของอดีตขอทานที่ทุกคนเคยเย้ยหยัน มีพ่อตาบอด แม่กับน้องชายคนโตปัญญาอ่อน ทั้งหมด 14 ชีวิตที่เขาต้องเลี้ยงดู เขาต่อสู้กับชีวิตจนได้เป็น “บุคคลดีเด่นแห่งปีของไต้หวัน” เพราะใจที่...ไม่ยอมแพ้เพียงคำเดียว ไล่ตงจิ้นผู้แต่งและบุคคลผู้เป็นต้นเรื่องกล่าวไว้บนปกหลังของหนังสือว่า “แค่อยากแสดงให้เห็นว่า... แม้ชีวิตจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ขอเพียงมุมานะอดทนเท่านั้นที่สุดก็จะต้องมีวันได้ดีเช่นกัน” หนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่ขายดีที่สุดของไต้หวัน มียอดขายมากกว่าล้านเล่ม ได้รับการยกย่องและแนะนำให้อ่านโดยประธานาธิบดีเฉินสุ่ยเปียนแห่งไต้หวัน เป็นแบบอย่างของคนกตัญญู สู้ชีวิต อดทน และมุ่งมั่น เป็นแรงใจให้กับทุกคนที่ท้อแท้กับชีวิต “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต”
ไล่ตงจิ้นเป็นอดีตเด็กขอทานในไต้หวัน สถานที่ที่เขาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก คือ สุสาน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนั้นมานานนับ 10 ปี มีพ่อที่เป็นขอทานตาบอด ส่วนแม่เป็นคนปัญญาอ่อน มีน้องอีก 10 คน ที่คลานตามกันออกมาให้เขาต้องดูแลในฐานะลูกชายคนโต เขาและครอบครัว “ยังชีพ” ด้วยการขอทาน การได้เรียนหนังสือคือความใฝ่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
คนๆเดียวที่ให้ความอบอุ่นและคอยปลอบโยนเขาเสมอคือพี่สาวคนโต เธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเอื้ออารี ทุกครั้งที่ถูกพ่อตีสองพี่น้องจะปลอบโยนซึ่งกันและกัน หรือคราวใดที่ไปขอทานแล้วต้องโดนผู้คนดูถูกดุด่าว่ากล่าว กำลังใจและถ้อยคำของพี่สาวเปรียบเสมือนหยาดฝนคอยหล่อเลี้ยงชีวิตอันแห้งฝากสำหรับอาจิ้นเสมอ
นานเข้าฐานะครอบครัวยิ่งเลวร้ายยากจนเข้าขั้นแร้นแค้นหนัก แต่ทุกคนต่างอดทนกันเรื่อยมา กระทั่งวันหนึ่งพ่อบอกว่าตัวเขาจะได้เรียนหนังสือ ความฝันของเขาเป็นจริงเพราะพ่อขายพี่สาวซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 13 ปี ให้กับซ่องโสเภณีแห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัวและเพื่อให้เขาผู้เป็นลูกชายคนโตได้เรียนหนังสือ พี่สาวคนเดียวในชีวิต พี่สาวที่ตนรัก พี่สาวที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบโยนเรื่อยมาต้องขายตัวเพื่อทุกคน หัวใจของเขาราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ... เขาตระหนักเสมอว่า เขาได้เรียนหนังสือ ก็เพราะเงินของพี่สาวที่ได้มาจากการขายตัว เวลาไปเรียนหนังสือแล้วมีนักเรียนคนอื่นๆมาล้อเล่นว่าเป็นลูกขอทาน เขาไม่เคยตอบโต้ได้แต่อดทนเสมอมาทั้งนี้ก็เพราะความลำบากของพี่ เขาจึงคิดที่จะตั้งใจเรียนเพื่อพี่สาว เพื่อพ่อแม่ และเพื่อน้องของเขา
อาจิ้นไม่เคยยอมแพ้ต่อคำดูถูกและคำสบประมาท แต่นำมาเป็นแรงผลักดันให้เกิดความมานะพยายาม ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นตลอดมา มีผลการเรียนดี เป็นนักกีฬาที่เก่ง ได้รับเกียรติบัตรจากความรู้ความสามารถในด้านต่างๆมากกว่า 80 ใบ และทุกใบประกาศเขาได้ที่หนึ่ง
หลังจากมุมานะเรียนจนจบเทคนิคสาขาวิชาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไฟฟ้า ปัจจุบันอาจิ้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโรงงานของบริษัทจงเหม่ย บริษัทผลิตอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยที่เขามีส่วนเป็นผู้ร่วมบุกเบิก ฐานะของเขาและครอบครัวมีความเป็นอยู่สุขสบายไม่ลำบากเหมือนก่อนแล้ว พี่สาวเองก็เช่นกัน แม้จะมีข้อจำกัดมากมายในชีวิต ไล่ตงจิ้นไม่เคยหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ การต่อสู้ครั้งสำคัญคือการเอาชนะใจครอบครัวของหญิงสาวที่เขารัก ทุกวันนี้ไล่ตงจิ้นมีครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกชายลูกสาวที่น่ารัก เขาดูแลแม่และน้องชายปัญญาอ่อนเป็นอย่างดี
หนังสือเล่มนี้ไล่ตงจิ้นผู้เขียนเป็นผู้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง ที่น่าประทับใจคือ แม้จะเป็นชีวิตที่สมัยนี้อาจจะใช้ศัพท์ว่า “น้ำเน่า” ที่ดูเหมือนว่า พอเกิดมาก็ต้องรับภาระอันยิ่งใหญ่และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แสนจะทุกข์ระทมขมขื่นขนาดนั้น แต่การเล่าเรื่องชีวิตของเขากลับทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกอึดอัด มิหนำซ้ำยังแฝงอารมณ์ขัน และถึงแม้ว่าจะเศร้าจนน้ำตาไหลบ้างในบางตอน แต่สิ่งสำคัญคือ อ่านแล้วเกิดความมุมานะและมีกำลังใจขึ้นอย่างมาก
หากทุกวันนี่คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าชีวิตของคุณเต็มไปด้วยปัญหา ชีวิตคุณมืดมนไร้ซึ่งทางออก “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต” เล่มนี้คงนำพาสายลมแห่งความหวังและปีกแห่งกำลังใจมาให้คุณได้บ้างไม่มากก็น้อย ผู้เขียนมิได้บอกให้คุณมองดูเรื่องราวของอาจิ้นแล้วหยิบยกว่าเรายังโชคดีกว่ามาก แต่ผู้เขียนอยากให้คุณผู้อ่านได้เรียนรู้หัวใจสำคัญของการเป็น “ไล่ตงจิ้น” หัวใจแห่งการต่อสู้ที่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประหัตประหารกัน แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความรัก ความกตัญญู เพื่อความสุขของคนรอบข้าง เรียนรู้และดูไว้เป็นแบบอย่างในสภาวการณ์ที่เราต้องอยู่ในวังวนของสังคมที่อวดอ้างเอาชนะคะคานกันเพื่อตนเองเช่นนี้
สุวัฒนา
3 ความคิดเห็น:
อยากอ่านเรื่องนี้มากเลยค่ะ
น่าสนใจจริงๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ กวางน้อย
ขอบคุณค่ะคุณ...
ลองหาอ่านดูนะคะผู้แปลเรื่องนี้แปลออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ อ่านแล้วสำนวนภาษาเหมือนเป็นคนเล่าประสบการณ์ตัวเองเลย อ่านแล้วจะรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้หม่นหมองไปทั้งหมด แค่มีกำลังใจดีๆชีวิตก็มีวันข้างหน้าที่ดีค่ะ
แต่สงสัยว่าเรารู้จักกันแน่เลย ถ้ายังไงมายืมที่เราก็ได้นะคะ ^^
แต่ตอนนี้ลุ้นว่าอาจารย์จะเข้ามาวิจารณ์หรือไม่นะคะ ^^
...จากผู้แนะนำหนังสือเรื่องนี้...
ใช้ภาษาได้อารมณ์ ชวนอ่าน เล่าเรื่องดี น่าติดตาม ใช้ภาษาสร้างจินตภาพได้ดี เช่น สายลมแห่งความหวัง และปีกแห่งกำลังใจ ให้ระมัดระวังการสะกดนิดนึงและการใช้ภาษาพูด ชนะคะคาน ประหัตประหาร ฯลฯ ทิ้งท้ายดี
8.5
แสดงความคิดเห็น