วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน


ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน
ลูเซีย บาเกดาโน่ เขียน
รัศมี กฤษณมิษ แปล
พิมพ์ครั้งที่ 6 2548
สำนักพิมพ์ฟ้าอภัย
167 หน้า ภาพประกอบ
80 บาท

“ผู้คนมากมายในโลกนี้ เลือกประกอบอาชีพแตกต่างกันออกไป บางคนเลือกเพราะเงินเป็นแรงจูงใจ บางคนเลือกเพราะอยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศ ในขณะที่บางคนเลือกเพราะความพอใจ แต่จะมีการเลือกใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการเลือกที่จะรักชีวิตทุกชีวิต จะมีความคิดใดที่งดงามไปกว่าความฝัน จะมีการกระทำใดที่น่ายกย่องไปกว่าการให้และการแบ่งปัน จะมีก็แต่ผู้ที่เคยให้และเคยแบ่งปันเท่านั้น ที่มีโอกาสลิ้มรสความสุขอันประณีตอย่างแท้จริง” เพียงแค่ได้อ่านบันทึกผู้แปลฉันก็ตัดสินใจซื้อ ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน มาครอบครองทันที

หลายคนแนะนำให้ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือที่สมาพันธ์องค์กรเพื่อพัฒนาหนังสือและการอ่านคัดสรรให้เป็นหนังสือดีสำหรับเด็กและเยาวชน อีกทั้งผลกำไรที่ได้จากการขายหนังสือนำไปช่วยเหลือเด็กยากจนในชนบท

ในเล่มเป็นเรื่องราวของ“มูริเอล” สาวสเปนชาวเมืองวัย 21 ปี เพิ่งสำเร็จวิชาการศึกษา สอบได้คะแนนยอดเยี่ยม เปี่ยมล้นด้วยพลังใจและมุ่งมั่นจะเป็นครูที่ดี แต่กลับได้รับคำสั่งบรรจุให้เป็นครู ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขาอันไกลลิบนามว่า “เบอิเรเชอา” หมู่บ้านที่ไม่ปรากฏในสารานุกรม เธอเดินทางไปหมู่บ้านกันดารด้วยรถเก่าปุเลง ๆ อำลาชีวิตสุขสบายแบบเด็กในเมืองเพื่อมาเป็นครูบ้านนอก ครั้งแรกที่เธอเห็นโรงเรียน เธอถึงกับ “อยากจะกรีดร้องให้สมใจอยาก” เพราะสภาพโรงเรียนเหมือนกับ “เล้าไก่พัง ๆ” ซ้ำร้ายผู้คนในหมู่บ้านที่มีธรรมชาติสวยงาม กลับแข็งกระด้าง แล้งน้ำใจไร้การศึกษา ช่างเป็นความจริงที่สวนทางกับความฝันอันงดงามอย่างสิ้นเชิง

มูริเอลพบว่าเด็ก และผู้ปกครองไม่เห็นความสำคัญของการเรียนเพราะ “หนูไม่เห็นว่าจำเป็นต้องเรียนเรื่องภาคประธานกับภาคแสดงของประโยคเพื่อจะไปรีดนมวัว” เธอจึงพยายามทำให้เด็กอ่านหนังสือให้ได้ และคิดเสมอว่า “ไม่ว่าจะทำอะไร หากรู้หนังสือ ก็จะทำได้ดีกว่าเสมอ” มูริเอลไม่ยอมแพ้ เธอพยายามเอาชนะอุปสรรค ความท้อแท้สิ้นหวังด้วยวิธีการของเธอเอง จนสามารถค้นพบภารกิจแท้จริงของเธอเอง ทั้งยังได้เรียนรู้ว่าชาวเบอิเรเชอาควรค่าแก่การนับถือ อคติที่มีต่อชาวบ้านในตอนแรกนั้นก็หายไปพร้อมกับการปฏิเสธโรงเรียนที่อยู่ในระดับดีกว่าและตัดสินใจสอนต่อที่นี่ โรงเรียนที่ทั้งเก่าและโทรม ทว่าเต็มไปด้วย
เด็ก ๆ ที่เธอทุ่มเทพลังและความรักให้ และฆาเบียร์ ชายหนุ่มที่ดูเสมือนว่าเป็นคนถือดี แปลกประหลาดที่สุดในหมู่บ้าน กลับกลายเป็นคนสุภาพอ่อนโยน อีกทั้งยังได้ช่วยแต่งเติมความฝันและชีวิตของเธอให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที เป็นเรื่องสามัญแต่มีเสน่ห์ชวนติดตามจนวางไม่ลง รู้ตัวอีกทีก็ถึงบรรทัดสุดท้ายเสียแล้ว เพราะถ้อยคำและภาษาที่ผู้แปลสรรมาใช้ในการบรรยายและพรรณนาเรื่องราวนั้นทำให้เพลิดเพลินและรู้สึกอิ่มเอมใจไปกับตัวละคร

ฉันว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนหนุ่มสาว หรือผู้ที่ยังกรุ่นไฟฝันและผู้ที่ต้องการเติมพลังความฝันให้กับตัวเองมากทีเดียว เพื่อร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ถูกที่ควร หนังสือเล่มนี้จะช่วยเติมเต็มและย้ำเตือนบางอย่างที่เรากำลังหลงลืมไป อย่าลืมว่าเก่งอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์ เก่งแล้วต้องเข้าใจผู้อื่นด้วยอย่างที่ “มูริเอล” เรียนรู้จากชาวบ้านและบาทหลวง เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ละคนต่างมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว เมื่อความ “เข้าใจ” ควบคู่ไปกับ “ไฟฝัน” ไม่ว่าสิ่งใดก็สำเร็จได้ดังใจหมาย


ฉันวางหนังสือลงพร้อมกับความคิดที่วาบขึ้นมา ว่าต้องลงมือทำตามความฝันหรือทำอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์แก่สังคมอย่าง “มูริเอล”บ้างเสียแล้ว...เลิกนอนหนุนฝันแล้วลงมือปลูกฝันกันเถอะ


เอื้อบุญ

ไม่มีความคิดเห็น: