วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน


นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน
ผู้เขียน:หลุยส์ เซปุล์เบดา
ผู้แปล :สถาพร ทิพยศักดิ์
สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
ปีที่พิมพ์ 2551
176 หน้า ภาพประกอบ
249.50 บาท

นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน เป็นเรื่องของซอร์บาส แมวดำอ้วนพีที่อาศัยอยู่ ณ หอคอยของโบสถ์ในเมืองฮัมบูร์กและผองเพื่อนท่าเรือ กับเจ้านกนางนวลที่บินมาตกที่หอคอยพร้อมร่างที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันจนไม่สามารถขยับปีกและบินต่อไปได้ เมื่อซอร์บาสเห็นดังนั้นก็พยายามที่จะช่วยเหลือ แต่สายไปเสียแล้ว นกนางนวลเคงกาฮ์อ่อนแรงจนใกล้จะสิ้นลม ทั้งสองจึงได้ให้สัญญากันที่จะช่วยดูแลลูกนกนางนวลหลังจากที่แม่นกตายไปแล้ว นี่จึงเกิดเป็นมิตรภาพเล็กๆของสัตว์ที่มีความเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งไม่ว่าใครได้อ่านก็คงจะอดทราบซึ้งกับความน่ารักนี้ไม่ได้

นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน วรรณกรรมที่เสนอแง่มุมชวนคิดให้กับสังคมนี้ เป็นผลงานของ หลุยส์ เซปุล์เบดา นักเขียนชาวชิลีที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในยุโรปและอเมริกา ด้วยฝีไม้ลายมือที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆได้อย่างละเมียดละไม และยังแฝงข้อคิดให้กับผู้อ่านได้อย่างแนบเนียน เขายังเป็นทั้งนักเล่านิทาน นักเขียนนวนิยาย นักสร้างภาพยนตร์ และนักเดินทางอีกด้วย งานเขียนของเขาจึงมีหลากหลายแนวแตกต่างกันไป จึงไม่แปลกที่เขาจะได้การ
ยกย่องว่าเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งของศตวรรษรองจาก กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นักเขียนที่ครองใจชาวยุโรป ดังนั้นผลงานวรรณกรรมของเขาจึงได้รับรางวัลอย่างมากมาย

หลุยส์ เซปุล์เบดา ใช้ภาษาที่เรียบง่ายชัดเจน ผู้อ่านจึงสามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องตีความความหมายให้ซับซ้อน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้วรรณกรรมเรื่องนี้ด้อยค่าลงกว่าเดิมแม้แต่น้อย และยังคงเสน่ห์ที่น่ารักของแนวคิดที่ไม่ซ้ำแบบใคร รวมถึงบรรยากาศการเล่าเรื่องท่ามกลางสภาพความเป็นจริงก็ยิ่งทำให้วรรณกรรมเรื่องนี้สามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้อ่านได้โดยไม่รู้ตัว

“ ฟังฉันนะ ฉันอยากช่วยเธอ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ต้องพยายามพักผ่อนนะ ฉันจะไปปรึกษาว่า ช่วยนกนางนวลไม่สบายได้ยังไง” จากคำกล่าวของซอร์บาสแมวผู้มีเมตตาบอกกับนกนางนวลที่กำลังจะสิ้นลม เราจึงได้เห็นน้ำใจของผองสัตว์ที่เกื้อกูลต่อกัน และการรักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน รวมถึงการพึ่งพาอาศัยและช่วยเหลือกัน โดยที่ไม่แยกว่าใครมาจากไหน เป็นพวกเดียวกันหรือไม่ ซึ่งถ้าเปรียบกับสังคมในปัจจุบันแล้วก็คงจะหาได้ยากที่จะมีใครเคร่งครัดกับคำพูดของตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นอย่างสุดความสามารถเช่นนี้

วิธีการดำเนินเรื่องของวรรณกรรมเรื่องนี้ เป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ก็แฝงประเด็นชวนคิดต่างๆ ไว้ให้ผู้อ่านได้คิดหาคำตอบว่า มวลแมวทั้งหลายจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่ใช่เพียงแค่รักษาสัญญาว่าจะไม่จับลูกนกกินเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องดูแลลูกนกให้เติบโตขึ้น ซึ่งปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาต้องสอนให้ลูกนกนั้น “บิน” ทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่เคยบินมาก่อน “...เธอเป็นนกนางนวล เธอจะบินได้ ถ้าบินได้เมื่อใด โชคดี ฉันแน่ใจว่าเธอจะมีความสุขและในตอนนั้น ความรู้สึกของเธอที่มีต่อพวกเรา และความรู้สึกของเราที่มีจะยิ่งทรงพลังและงดงามยิ่งขึ้น เพราะเป็นความรักระหว่างสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ในเรื่องการบินแม้จะถือเป็นเรื่องยากที่แมวอย่างพวกเขาจะทำได้ แต่ด้วยพยายามบวกกับปฏิภาณไหวพริบ พวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

หากใครกำลังมองหาหนังสืออ่านสบายๆ ที่เต็มไปด้วยข้อคิดดีๆ ก็คงจะต้องลองเปิดใจให้กับวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมอย่าง นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกบิน ได้เข้าไปสร้างความเบิกบานที่โอบล้อมด้วยมิตรภาพอันแสนอบอุ่นสักครั้ง และด้วยความน่ารักของวรรณกรรมเรื่องนี้ที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จึงไม่แปลกที่ผู้เขียนจะกล่าวไว้อย่างขำขันว่าเป็น “ วรรณกรรมสำหรับผู้อ่านอายุ 8-88 ปี ”

“ฉันเคยได้ยินเขาอ่าน สิ่งที่เขาเขียนเป็นถ้อยคำไพเราะทำให้รู้สึกยินดี บางครั้งก็ให้เศร้าใจ แต่มักทำให้หัวใจเป็นสุขและอยากฟังต่อ”


ภัทราภรณ์

ไม่มีความคิดเห็น: