วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน (The Alchemist)


ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน (The Alchemist)
ผู้แปล : ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
ครั้งที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ ๒
สำนักพิมพ์ : โครงการจัดพิมพ์คบไฟ
จำนวนหน้า : ๑๖๐ หน้า
ราคา : ๑๑๐

“ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” เป็นหนังสือสัญชาติสเปน ถูกแต่งขึ้นเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน โดยนักเขียนชาวบราซิล ผู้ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้า เปลโล โคเอลโย เรื่องราวชีวิตของนักเขียนคนนี้ล้วนเต็มไปด้วยความหลากหลายที่ทำให้แนวความคิดของเขานั้นถูกผสมผสานจนก่อให้เกิดการหล่อหลอมกลายเป็นผลงานที่มีคุณภาพและเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่า เรื่องราวที่โคเอลโย นำเสนอผ่านงานเขียนของเขาในแต่ละเล่มนั้น มักข้ามสู่มิติที่นักเขียนทั่วไปแทบไม่เคยพูดถึง ทุกครั้งที่ได้อ่านงานเขียนของเขาเปรียบเสมือนเป็นการเสพอารมณ์ศักดิ์สิทธิ์ประหลาด จนทำให้นึกชอบและคิดว่านักเขียนผู้นี้แท้จริงเขาไม่ใช่นักเขียน แต่เขาน่าจะเป็น “ครูทางจิตวิญญาณ” ที่แฝงมาในรูปแบบนักเขียนมากกว่า

“ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยโครงการคบไฟ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อพิมพ์เผยแพร่หนังสือวิชาการทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งวรรณกรรมชั้นดีจากต่างประเทศอีกด้วย หนังสือเล่มนี้แปลโดย ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ผู้ที่มีตำแหน่งกรรมการและคณะทำงานคนสำคัญของโครงการคบไฟ มีผลงานการเขียนบทความและงานทางวิชาการมากมาย อีกทั้งยังได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ความสามารถและเกียริติคุณของผู้แปลคนนี้น่าจะเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพการคัดเลือกงานมาแปลได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าสงสัยถ้าหากหนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มที่น่าอ่านให้ชีวิตของคุณได้ลองฟังดูสักครั้ง

“ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” เป็นเรื่องราวการเดินทางออกค้นหาขุมทรัพย์ของเด็กหนุ่มผู้มีชื่อว่า ซานติเอโก เด็กหนุ่มผู้นี้รักการอ่านและการเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิต ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงทำอาชีพเลี้ยงแกะ แต่แล้วก็ได้เกิดปมปัญหาให้กับชีวิตของเขา เมื่อเด็กหนุ่มเกิดมีความฝันประหลาดติดต่อกันถึงสองครั้ง เขาเป็นกังวลกับภาพความฝันที่เขาได้พบ เขาจึงได้นำความฝันไปให้หญิงแก่ผู้ทำอาชีพทำนายฝันแปล เธอบอกกับเขาว่าเขามีขุมทรัพย์อยู่ที่ปิรามิด และเขาก็ควรออกไปค้นหาขุมทรัพย์ของเขา เด็กหนุ่มเป็นกังวล เพราะเขารู้ว่าการเดินทางไปปิรามิดนั้นมันแสนยากลำบาก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบกับราชาผู้ซึ่งปลอมตัวเป็นชายชรามาพบกับเขา เพื่อมอบความเชื่อมั่นและทำให้เขากล้าที่จะออกเดินทางไปค้นหาขุมทรัพย์

ในการเดินทางเพื่อไปให้ถึงปิรามิดของเด็กหนุ่มนั้นล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคและการทดสอบมากมาย แต่ด้วยความเชื่อมั่นที่เขาได้รับมาจากชายชราผู้นั้น ได้ทำให้เขายังคงมั่นคงต่อการเดินไปให้ถึงปลายฝัน และระหว่างการเดินทางเด็กหนุ่มได้หัดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตและไม่ลืมที่จะหันกลับไปเรียนรู้กับสิ่งเก่า ๆ ที่เคยผ่านพบมาเช่นกัน แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุดเมื่อเขาได้พบกับฟาตีมา หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาคมสีดำ ณ ดินแดนกลางทะเลทรายระหว่างทางที่จะไปยังปิรามิด เขาคิดว่าเธอคือขุมทรัพย์อันเลอค่าของเขา แต่เธอก็ยังไม่ใช่ขุมทรัพย์ที่เขาออกค้นหามาตั้งแต่แรก เขาจึงต้องยอมข่มใจทิ้งขุมทรัพย์นี้ไว้ และออกเดินทางค้นหาขุมทรัพย์ที่แท้จริงต่อไป

การเดินทางของเขาในช่วงปลายทางนี้ เขาได้พบกับนักแปรธาตุผู้ที่ช่วยให้เขารู้จักฟังหัวใจตัวเอง รู้จักนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขามาผันแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้เขามีแรงในการเดินทางต่อไป แม้ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคที่ยากเข็ญสักเพียงใดก็ตาม และแล้วเขาก็สามารถเดินทางไปจนถึงสุดปลายทางของความฝันและค้นพบขุมทรัพย์ของเขาได้สำเร็จ

ขุมทรัพย์ของเขามีอยู่จริง มีอยู่ ณ ที่ที่เขาเคยเห็นในความฝัน สุดท้าย เขาได้ครอบครองขุมทรัพย์ของเขาและเขาก็กำลังจะกลับไปหาขุมทรัพย์อันเลอค่าของเขาที่เขาได้จากมา

การบรรยายเหตุการณ์และเรื่องราวต่าง ๆ ภายในเรื่องที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญ ล้วนเป็นสิ่งที่ตรงกับหลักการ “การเรียนรู้ ที่จะเข้าใจชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งเป็นการการฟังเสียงภายในของตนเองว่าต้องการอะไร เราก็จะค่อย ๆ เรียนรู้และค้นพบว่าเราสามารถที่จะไว้ใจเสียงที่ได้ยินเหล่านั้นได้ หลักการความคิดเช่นนี้ตรงกับเรื่องของ “ญาณทัศนะ” ซึ่งเป็นการฝึกการใช้สมองชั้นที่สี่ และถือได้ว่ากระบวนการเรียนรู้นี้เป็น “วิธีการสร้างคน” ที่เริ่มจากการสร้างความมั่นคงภายในก่อน

จากการสังเกตการออกเดินทางค้นหาขุมทรัพย์ของตัวละครเอกของเรื่องในทุก ๆ ครั้งจะมีคนคอยคุ้มครองและให้คำแนะนำให้เขาก้าวไปได้ในทิศทางที่ควรจะเป็นไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นการเรียนรู้ ส่วนความไม่พอเหมาะหรือขัดสนบางประการนั้นไม่ใช่ความผิดพลาด หากแต่เป็นสัญญาณหรือลางที่บอกอะไรบางอย่างให้กับชีวิต ตัวเอกของเรื่องจึงสามารถเดินทางไปจนถึงปลายทางแห่งความฝันและได้ค้นพบกับขุมทรัพย์ของตนเองได้สำเร็จ

“ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” หากมองลงไปให้ลึกและเข้าใจในความเป็นมาและเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว เราสามารถรับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นเรื่องราวที่มีเค้าความเป็นจริงในชีวิตและตัวตนของผู้เขียนเอง เพราะผู้เขียนก็เคยฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อไปให้ถึงความฝันด้วยพลังอันกล้าแกร่งภายในจิตใจ และเรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่องนั้น ก็ล้วนเป็นความจริงของสิ่งที่มีและเป็นอยู่ในชีวิตของมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ผู้ที่มีความฝัน แต่มนุษย์ทุกคนต่างก็มีแนวทางและจุดจบของความฝันที่แตกต่างกัน และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะจิตใจของแต่ละคนที่มีต่อความฝันนั่นเอง

การเล่าเรื่องเป็นไปในรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนั้นได้แฝงข้อคิดและความเป็นจริงอยู่อย่างแยบยลโดยตลอด เรียกว่าอ่านแล้วทำให้เราได้มานั่งคุยอยู่กับความคิดและหัวใจของตัวเอง อีกทั้งยังทำให้เราเข้าใจผู้อื่นที่มีความฝันเช่นเดียวกันกับเราแต่ใช่ว่าจะดำเนินตามวิถีเช่นเดียวกับเราเสมอไป

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่มีความฝัน แต่ยังคงไปไม่ถึงฝัน หนังสือเล่มนี้ก็จะบอกกับคุณว่าคุณควรวางตัวอย่างไร และหนังสือเล่มนี้ยังเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เคยละทิ้งความฝัน เพราะหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณมีพลังในการกลับมาเดินทางออกตามหาความฝันอีกครั้ง นอกจากนี้ผู้ที่เคยพบปลายทางของความฝันแล้ว หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้คุณจะรู้สึกภาคภูมิใจและรู้คุณค่ากับขุมทรัพย์ที่ได้มาอย่างแน่นอน

“จงศรัทธาและไว้ใจในตัวเอง...แล้วคุณจะไม่ต้องเกรงหากพบอุปสรรคและไม่ต้องกลัวว่าจะไปไม่ถึงปลายฝัน”

ฮานาน

2 ความคิดเห็น:

oil กล่าวว่า...

สุดยอดหนังสือวรรณกรรมปรัชญาในเวลานี้เลยเทียว

Unknown กล่าวว่า...

อยากอ่านมากค่ะ แต่ไม่มีขายแล้ว น่าจะมีการตีพิมพ์ใหม่อีกครั้ง