วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

ติสตู นักปลูกต้นไม้


ชื่อหนังสือ : ติสตู นักปลูกต้นไม้
ผู้แต่ง : โมรีส ดรูองผู้แปล: อำพรรณ โอตระกูลปีที่พิมพ์: กรกฎาคม 2544จำนวนหน้า: 164 หน้า
สำนักพิมพ์ : ผีเสื้อ

ผู้ที่เคยประทับใจกับเรื่อง 'เจ้าชายน้อย' วรรณกรรมอมตะของนักเขียนชาวฝรั่งเศส แซง เตกซูเปรี เรื่อง 'ติสตู นักปลูกต้นไม้' เรื่องนี้ก็สามารถเชื่อว่าน่าจะทำให้ ผู้อ่านประทับใจได้ไม่แพ้กัน ทั้ง 'เจ้าชายน้อย' และ 'ติสตู นักปลูกต้นไม้' ถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย อำพรรณ โอตระกูล ซึ่งได้รับยกย่องเป็นดั่งทูตวรรณกรรมฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในภาษาฝรั่งเศสอันเป็นที่ยอมรับ


ติสสตู นักปลูกต้นไม้ เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งไม่ยอมให้พวกผู้ใหญ่อธิบายความเป็นไปในโลกโดยใช้ความคิดสำเร็จรูป ติสตูจะนอนหลับในห้องเรียนทุกครั้งที่ผู้ใหญ่จะใส่ความคิดสำเร็จให้แก่เขา ติสตู ทำให้เราเห็นว่าเด็กๆนั้นมีดวงตาคู่พิเศษ มองสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะป็นคนหรือสิ่งของแตกต่างไปจากผู้ใหญ่ ที่ถูกความเคยชินครอบงำ เมื่อ ติสตู เรียนถึงบทเรียนว่าด้วยเมืองและระเบียบเขาเห็นสถานที่หนึ่งมีกำแพงมหึมาไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานและบนกำแพงก็มีเหล็กปลายแหลมเสียบไว้โดยรอบ 'ถ้าคุกน่าเกลียดน้อยกว่านี้' ติสตูพูด 'บางทีนักโทษคงไม่อยากหนีเท่าไหร่นัก' ติสตูไม่ใช่เด็กเล็กๆ ธรรมดา ความพิเศษของเขาอยู่ที่พรสวรรค์ในการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าติสตูจะนำหัวแม่มือปักลงไปที่ใด ดอกไม้ก็จะผลิบานสวยงาม ติสตูค้นพบว่าดอกไม้สามารถสกัดกั้นความชั่วร้ายได้ พรสวรรค์ของเขาจึงไม่เพียงนำความสวยงามให้โลก แต่ยังนำความหวังมาสู่ผู้ที่ไร้กำลังใจ นำความรักมาในที่ๆ มีความเกลียดชังนำบ้านมาสู่ผู้ร้างเรือนนอนแล้วภารกิจของติสตูก็เริ่มขึ้น เขาลงมือปลูกต้นไม้ ทำให้คุก โรงพยาบาล ชุมชนแออัด เป็นสถานที่น่าอยู่ด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ติสตูค้นพบสิ่งที่วิเศษอย่างหนึ่งสิ่งนั้นคือ ดอกไม้ เป็นสิ่งที่สามารถสกัดกั้นความชั่วร้ายได้โดยปกติแล้วเด็กทุกคนกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตนเพื่อสาธารณประโยชน์เมื่อตอนเขาเป็นผู้ใหญ่เพื่อกระทำการนั้นแต่สำหรับติสตูแล้ว เขาลงมือกระทำการโดยไม่ต้องรอเป็นผู้ใหญ่เพื่อที่จะไม่ลืมความตั้งใจนั้น


'ติสตู นักปลูกต้นไม้' แฝงทั้งแง่คิด ปรัชญา ความคิดที่สวยงามผ่านดวงตาพิเศษของเด็กชายตัวน้อยนาม ติสตู ซึ่งคุณจะเอ็นดูเขาไม่แพ้ 'เจ้าชายน้อย' เลย
เรื่องราวนี้พิเศษกว่าวรรณกรรมเยาวชนธรรมดา เพราะมิได้เสนอแต่เนื้อหาบันเทิงที่เคลือบด้วยน้ำตาลบอกให้เราทราบถึงความคิดยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว่านั้น โดยเฉพาะเกี่ยวกับความคิดสำเร็จรูปของผู้ใหญ่ในเรื่องต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นโดยขาดการไตร่ตรอง เพียงแต่มีขึ้นตามๆ กัน เพราะเป็นระบบความคิดที่มีมานานแล้ว แต่โลกทัศน์ของติสตูมิได้เป็นเช่นนั้น เขาเป็นเด็กเล็กๆ ไร้เดียงสา ความคิดของติสตูจึงทำให้ผู้ใหญ่บางคนส่ายหัว เพียงเพราะว่าติสตูคิดต่างออกไปเท่านั้นเอง


นิทานส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของเจ้าชายที่ร่ำรวยทรัพย์และเพชรนิลจินดา โดยไม่มีคำอธิบายว่าทรัพย์สินนั้นมาจากไหน ผู้ฅนในเมืองล้วนแต่สุขแจ่มใส หากจะมีความทุกข์บ้าง ก็มักเป็นเรื่องที่แก้ไขให้หมดไปโดยง่าย เช่นคิดถึงลูกที่อยู่เมืองไกล หรือเศร้าสร้อยใจร้ายเพราะอยู่ตัวฅนเดียว แต่นิทานมักไม่บอกถึงชาวนาที่ถูกนายทุนยึดที่ดินทำกิน หรือฅนที่ต้องเจ็บป่วยอนาถาเพราะไร้เงินรักษาพยาบาล หากนิทานจะกล่าวถึงสงคราม ก็มักละเลยที่จะเล่าว่าสงครามทำให้บางฅนต้องสูญเสียแขนขาหรือชีวิต ทำให้บ้านเมืองถูกเผาทำลาย และคนจำนวนมากไร้บ้าน ทำให้หญิงบางคนเป็นม่าย และทำให้เด็กส่วนหนึ่งกำพร้าพ่อ หากนิทานจะกล่าวถึงคุกและสลัม ก็มักแตะต้องแต่เพียงผิวเผิน ไม่ให้ความดิ้นรนนั้นชัดเจนเป็นชีวิตชีวานัก เพราะนิทานมักบอกเรื่องราวสวยงามและความสุขใจมากกว่าจะกล่าวถึงชีวิตจริง และนิทานที่บอกเรื่องราวจริงในโลกก็อาจโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กแต่ติสตูไม่ใช่นิทานเด็กที่มีแต่สีสวยงามจำพวกนั้น เมื่อเราได้รู้จักติสตู เราจะรู้ว่าพ่อแม่ของเขาร่ำรวยมาก อาศัยในบ้านหรูหรา มีรถยนต์จำนวนมากที่ต่างแวววับจนดูเหมือนพระราชวังกระจก มีม้างามเอาไว้ประดับทัศนียภาพในสนาม พ่อแม่ของติสตูหล่อและสวย ติสตูเป็นเด็กที่เกิดมาพรั่งพร้อมบริบูรณ์ แต่เราก็ได้รู้เช่นกันว่าความมั่งคั่งนี้ เป็นเพราะบิดาของติสตูเป็นพ่อค้าอาวุธสงคราม ติสตูค่อยๆ เรียนรู้โลก และพบว่าคุณพ่อผู้ใจดีและอ่อนโยนที่รักเขาอย่างยิ่ง กลับไม่ได้นึกถึงเด็กฅนอื่นๆ ที่อาจเป็นกำพร้าเพราะอาวุธของพ่อเลย


เนื้อหาที่ฟังดูหนักแน่นกว่านิทานเด็กธรรมดานี้ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้สาหัสหรือหม่นหมองเกินกว่าจะให้เด็กอ่าน ผู้เขียนเล่าเรื่องได้น่ารักและไร้เดียงสา ไม่ได้แฝงแววบีบคั้นให้เราต้องหดหู่ในความโหดร้ายของโลก เพียงแต่เล่าเรื่องราวไปด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ซ่อนร่องรอยของเนื้อหาหนักนี้แนบเนียน นำเสนอได้อย่างบริสุทธิ์สดใส ในเนื้อเรื่องนั้นสวยงามรื่นรมย์ คลี่คลายด้วยความสุข นิทานเยาวชนเรื่องนี้จึงน่าประทับใจ เพราะนอกจากจะให้ความบันเทิง ยังมีแง่คิดที่ดีหลายประการ หนังสือเล่มนี้ยังน่าจะเป็นที่รักสำหรับทุกฅนที่มีความเป็นเด็กหลงเหลือในตัวอีกด้วย


เมื่อได้รู้จักติสตู เราอาจจะสนใจ โมรีส ดรูอง ผู้แต่งขึ้นบ้างแล้ว ว่าเหตุใดเขาจึงเขียนนิทานเด็กได้พิเศษไปกว่านิทานทั่วๆ ไปเช่นนี้ ติสตูเป็นนิทานเด็กเรื่องเดียวที่เขาเขียน เขาสร้าง ติสตู เป็นตัวละครเด็กผู้แปลกไปกว่าเด็กอื่นๆ เพราะติสตูไม่ยอมให้ผู้ใหญ่อธิบายเรื่องราวของโลกโดยใช้ความคิดสำเร็จรูปทื่อๆ ของผู้ใหญ่ เขาบอกว่า


"ในชีวิตประจำวัน ข้าพเจ้าไม่เคยเลยที่จะพูดกับเด็กๆ ด้วยเสียงและสำนวนแบบเด็ก ข้าพเจ้าไม่คิดว่าเด็กจะโง่เขลาเสียจนกระทั่งข้าพเจ้าต้องทำเป็นโง่ไปด้วย เพื่อจะได้เข้าใจกัน สมัยที่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก เมื่อมีคนมาใช้วิธีไม่ดีนี้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะโกรธฉุนเฉียวมาก และแน่ละ ข้าพเจ้ามักคิดโดยไม่กล้าพูดออกมาว่า 'ดูซิ นายคนนี้โง่จริงๆ ที่รู้สึกว่าต้องนั่งยองๆ เพื่อจะได้ดูเหมือนว่าตัวขนาดเดียวกับฉัน'

คงไม่ต้องบอกว่าเนื้อหาอย่างสมบูรณ์ในหนังสือเล่มนี้จะเป็นที่ประทับใจยิ่งกว่าแนวคิดของผู้เขียนที่ได้หยิบยกมาข้างต้นพอที่จะทำให้ผู้อ่านหลายท่านเกิดความสนใจได้มากเพียงใดหรือเป็นการถ่ายทอดความนึกคิดและปรัชญาที่เต็มไปด้วยอีกแง่มุมหนึ่งของเด็กที่เราไม่เคยประสบมากหรือมองผ่านมาก่อนเพี่ยงแต่รอให้ผู้อ่านทุกท่านพิสูจน์และพบความเป็นหนังสือที่ขายความเป็นตัวตนของโลกปรัชญาอย่างง่ายๆผ่านความบริสุทธิ์ของพฤติกรรมเด็กที่เป็นตัวถ่ายทอดได้อย่างไร้เดียงสาและพร้อมที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของผ็อ่านทุกเมื่อเพียงหยิบและพลิกอ่าน ติสตู นักปลูกต้นไม้

สมัชญ์

ไม่มีความคิดเห็น: