นางสาวภัสวดี อิฐรัตน์
05490292
05490292
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆบ้านโบตแลนด์ที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เพราะพ่อและแม่ของพวกเขาเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ยังลึกลับและเป็นปริศนา โดยบ้านโบตแลนด์เกิดเพลิงไหม้โดยสาเหตุเกิดมาจากหารหักเหของแสง ซึ่งมากจากที่ไกลมากๆ ด้วยเหตุนี้เองเด็กทั้งสามคนจึงต้องย้ายไปอยู่กับบ้านของคนต่างๆโดยที่ โพล นายธนาคาร ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกของเด็กๆ เรียกว่าเป็นญาติของพวกเธอ ทั้งๆที่ความเป็นจริงนั้น บ้านที่พวกเขาไปอยู่ด้วยกลับไม่ใช่ญาติของพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว บ้านหลังแรกที่พวกเขาได้ไปอยู่นั้นก็คือ บ้านของ เคานท์ โอลาฟ ชายวัยกลางคน ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ แถมยังจิตใจสกปรกอีกด้วย เขารับเลี้ยงดูเด็กๆทั้งสามโดยเสแสร้งว่ารักและเอ็นดู ทั้งที่จริงๆแล้วเขาใช้งานเด็กทั้งสามอย่างหนักและหลังจากเด็กๆทำงานเสร็จทุกวันเขาก็จะเข้าไปยังหอคอยบนชั้นบนสุดของบ้าน ซึ่งที่เป็นห้องที่เด็กๆทั้งสามไม่สามารถเข้าได้
เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆบ้านโบตแลนด์ที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เพราะพ่อและแม่ของพวกเขาเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ยังลึกลับและเป็นปริศนา โดยบ้านโบตแลนด์เกิดเพลิงไหม้โดยสาเหตุเกิดมาจากหารหักเหของแสง ซึ่งมากจากที่ไกลมากๆ ด้วยเหตุนี้เองเด็กทั้งสามคนจึงต้องย้ายไปอยู่กับบ้านของคนต่างๆโดยที่ โพล นายธนาคาร ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกของเด็กๆ เรียกว่าเป็นญาติของพวกเธอ ทั้งๆที่ความเป็นจริงนั้น บ้านที่พวกเขาไปอยู่ด้วยกลับไม่ใช่ญาติของพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว บ้านหลังแรกที่พวกเขาได้ไปอยู่นั้นก็คือ บ้านของ เคานท์ โอลาฟ ชายวัยกลางคน ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ แถมยังจิตใจสกปรกอีกด้วย เขารับเลี้ยงดูเด็กๆทั้งสามโดยเสแสร้งว่ารักและเอ็นดู ทั้งที่จริงๆแล้วเขาใช้งานเด็กทั้งสามอย่างหนักและหลังจากเด็กๆทำงานเสร็จทุกวันเขาก็จะเข้าไปยังหอคอยบนชั้นบนสุดของบ้าน ซึ่งที่เป็นห้องที่เด็กๆทั้งสามไม่สามารถเข้าได้
ท่านเคานท์นั้นแท้จริงแล้วต้องการเพียงสมบัติของเด็กๆที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ให้ แต่จะได้ก็ต่อเมื่อไวโอเลต ลูกสาวคนโตอายุครบสิบแปดปี ปีแล้วเท่านั้น วันหนึ่งเขาพยายามจะฆ่าเด็กทั้งสามโดยการทิ้งไว้บนรถซึ่งจอดอยู่บนรางรถไฟ แต่ด้วยความที่เป็นนักประดิษฐ์ของพี่สาวและการรักการอ่านของลูกชายคนกลาง รวมทั้งการเป็นนักกัดของลูกคนเล็ก ก็ทำให้ทั้งสามรอดพ้นจากการตายมาได้ หลังจากนั้น ทั้งสามได้ย้ายไปอยู่กับคุณลุงมอลโกเมอร์รี่ นักวิทยาศาสตร์ที่หลงใหลเรื่องต่างๆเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉพาะงู เด็กทั้งสามรู้สึกดีกับการที่ได้อยู่ที่นี่ แต่ไม่นานนัก เคานท์ โอลาฟ ก็ปลอมตัวมาและก็ฆ่าลุงของเด็กๆทั้งสามได้สำเร็จ
จากนั้นเด็กๆทั้งสามก็ต้องย้ายไปอยู่กับป้าโจโซฟิน ผู้ที่รักไวยากรณ์เป็นชีวิตจิตใจ เธอบอกว่า ไวยากรณ์คือความสุขของเธอ แต่สิ่งที่เด็กๆทั้งสามสงสัยมาตลอดนั้นก็คือ กล้องส่องทางไกล ที่ไม่ว่าเด็กทั้งสามจะไปอยู่ที่บ้านหลังใดก็จะพบว่าคนเหล่านั้นมีกล้องส่องทางไกล แบบเดียวกันกับที่พ่อและแม่ของเธอมี จนมาพบกับรูปที่ป้าเอาให้ดู พวกเขาเห็นพ่อกับแม่และคนอีกหลายคนที่เขาย้ายไปพักอาศัยด้วย แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร จนวันหนึ่ง เคานท์ โอลาฟ ก็ปลอมตัวมาอีกครั้ง จนที่สุด ป้าก็ทิ้งเบาะแสไว้ ด้วยความสาวมารถของเคล้า นักอ่านก็สามารถแล่นเรื่อไปยังที่ที่ป้าซ่อนตัวอยู่ได้ แต่สุดท้ายป้าก็ตาย และเด็กๆทั้งสามก็ต้องกลับไปอยู่กับเคานท์ โอลาฟอีกครั้ง
แต่เรื่องก็พลิกผันเมื่อเคานท์ โอลาฟทราบว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลยหากเด็กๆทั้งสามเป็นอะไรไป แต่เขาจะได้สมบัติหากเขาแต่งงานกับไวโอเลต ดังนั้นเขาจึงจัดละครขึ้นเพื่อบังหน้าที่จะแต่งกับไวโอเลต โดยจับซันนี่น้องสาวคนเล็กไว้เป็นตัวประกัน แต่พี่ชายคนกลางก็สามารถช่วยน้องได้สำเร็จและค้นพบความจริงบนห้องใต้หลังคาที่โดนปิดบังมาตลอดคือ การฆาตกรรมพ่อและแม่ของพวกเขานั้นเอง เขาได้พบว่า ดวงตา บนหอคอยที่หักเหแสงไปยังบ้านของพวกเขาจนเกิดเหตุหารณ์น่าสลดนั้นก็คือ เคานท์ โอลาฟ ชายหน้าตาน่าเกลียดคนนี้นี่เอง แม้สุดท้ายนั้นเคานท์ โอลาฟจะพ้นข้อหา โดยการช่วยเหลือจากเพื่อนอัยการของเขาแต่ทางการก็ยังพยายามจับกุมเขาอยู่ สุดท้ายแล้วเด็กๆก็กลับไปที่บ้านและพบว่าพ่อแม่และได้ส่งจดหมายมาให้ เป็นเชิงคำสั่งเสียที่บอกให้ทั้งสามคนรักกันและดูแลกันให้ดีอย่างที่เป็นมาตลอด และทิ้งสิ่งที่น่าฉงนไว้ให้เด็กๆนั้นก็คือ กล้องส่องทางไกล แต่สิ่งที่เด็กๆได้รู้คือ ไม่ว่าพ่อแม่จะอยู่หรือไม่ พวกเขาก็ต้องก้าวต่อไปและดูแลกันและกันอย่างดีที่สุดตลอดไป
ตัวละคร
ตัวละคร
ไวโอเลต โบตแลนด์
พี่สาวคนโตของบ้าน เธอเป็นสาวน้อยนักประดิษฐ์ที่เก่งจนน่าแปลกใจ เธอสามารถนำสิ่งของต่างๆที่ไม่ใช่แล้วมาทำเป็นของต่างๆที่มีประโยชน์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เคล้า โบตแลนด์
ลูกชายคนกลาง นักอ่านตัวยง บ้านโบตแลนด์แม้มีหนังสือมากมายเพียงแต่ แต่เขาก็อ่านมานจนหมดและสามารถจำทั้งหมดนั้นได้ ด้วยการอ่านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ซันนี่ โบตแลนด์
ลูกสาวคนสุดท้อง วัยเพียงสี่ขวบ ฟันเพียงสี่ซี่ที่กัดไปทุกอย่างที่มีในโลก
มิสเตอร์ โพล
นายธนาคารที่มีหน้าที่จัดการมรดกของเด็กๆทั้งสาม
เคานท์ โอลาฟ
ชายวัยกลางคน หน้าตาอัปลักษณ์ และท่าทางที่ออกจะไม่ค่อยสมประกอบ แต่งตัวประหลาด และอาชีพของเขานั้นก็คือ นักแสดง
ด๊อกเตอร์ มอลโกเมอร์รี่
ชายวัยกลางคนที่เด็กๆเรียกว่าลุง เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่หลงใหลในสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉพาะงู
เป็นชายใจดี แลดูแลเด็กๆด้วยความรักและเอ็นดูอย่างแท้จริง
เป็นชายใจดี แลดูแลเด็กๆด้วยความรักและเอ็นดูอย่างแท้จริง
ป้าโจโซฟีน
หญิงแก่ที่อยู่บ้านคนเดียวหลังจากที่สามีของเธอตายไป เมื่อก่อนเธอเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่แต่ปัจจุบันหลังจากที่สามีของเธอตายไป เธอกลายเป็นคนที่หวาดระแวงสิ่งต่างๆเกินเหตุตลอดเวลา และเป็นคนที่เก็บความลับเกี่ยวกับชมรมลับที่พ่อและแม่ของเด็กทั้งสามนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ความสำคัญของเรื่อง
ความสำคัญของเรื่อง
คนเราทุกคนย่อมต้องพบเจอเรื่องต่างๆที่เป็นอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในทุกช่วงเวลาของชีวิต และไม่ว่าอย่างไร เราต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ เช่นเดียวกับเด็กๆบ้านโบตแลนด์ทั้งสามคนที่ดูแลกันและกันอย่างดีด้วยความรักและความอดทนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถผ่านพ้นมันไปได้เลยหากพวกเขาไม่มีความสามารถที่ตัวเองมีและฝึกฝนมาตลอดชีวิต ดังเช่นที่ ไวโอเลต เด็กนักประดิษฐ์ตัวน้อยที่สุดท้ายก็หาทางออกได้เสมอไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงเพียงใด เคล้า น้องคนกลาง ที่รักการอ่านและอ่านทุกอย่างที่มี และสำคัญคือสามารถจำได้และนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องอีกด้วย เพราะเขาเองจึงหาทางออกได้อยู่เสมอๆ แม้บางครั้งจะเป็นเพียงแค่ทฤษฏีเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำให้พวกเขารอดพ้นจากเรื่องร้ายๆได้ และสุดท้ายน้องคนเล็ก ซันนี่ เด็กสี่ขวบกับฟันสี่ซี่ที่กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า และไม่น้อยเลยที่หนูน้อยคนนี้ใช้ความสามารถของเธอช่วยพี่ๆให้ผ่านเรื่องต่างๆไปได้ ดังนั้น แม้เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นของเด็กๆบ้านโบตแลนด์นั้นมีแต่เรื่องโชคร้ายมาตลอด แต่ความเป็นจริงแล้วอาจจะเรียกว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ที่เด็กๆทั้งสามคนนั้นเก่งในเรื่องที่ต่างๆกันออกไปและสามารถเอาความสามารถนั้นมาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกเวลาอีกด้วย
1 ความคิดเห็น:
น้องๆ คะ
น้องคนใดที่ไม่มีงานปรากฏในบล็อค กรุณาเมลเข้ามาบอกพี่นะคะ บางทีอาจพลาดไปหรือมีปัญหาเปิดไฟล์ไม่ได้ ไม่ต้องตกใจนะคะ เดี๋ยวพี่เค้กจัดให้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น