วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Across the Universe


นส.สุฤดี ทองมอญ

05490436


เป็นเรื่องราวของ ความรัก สงครามและความขัดแย้ง เมื่อจู๊ด เด็กหนุ่มผู้รักศิลปะจากเมืองลิเวอร์พูลประเทศอังกฤษ ต้องการที่จะหลีกหนีจากความซ้ำซากจำเจ และการต้องเป็นกรรมกรท่าเรือ ไปสู่ดินแดนที่มีสิทธิเสรีภาพ เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปอเมริกา ซึ่งไกลจากบ้านเกิดของเขาคนละซีกโลกอย่างผิดกฎหมาย และที่นั่น เขาได้พบกับหญิงสาวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะทางสังคมผู้เปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็งและอุดมการณ์ ลูซี่เป็นสาวน้อยที่ต้องสูญเสียคนรักจากสงคราม


หลังจากที่เดเนียลคนรักของเธอถูกส่งไปเป็นทหารในสงครามเวียดนาม จู๊ดได้ทำความรู้จักกับลูซี่ผ่านลูกพี่ลูกน้องของเธอซึ่งเป็นเพื่อนของเขา แม็กซ์ ซึ่งเป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เขาเป็นอีกคนในชีวิตของลูซี่ที่ถูกส่งไปเป็นทหาร หลังจากนั้นจู๊ดกับลูซี่ก็เริ่มคบหากัน ด้วยเหตุที่ลูซี่รู้สึกว่าเธอได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงคราม เธอจึงรู้สึกหวาดกลัวและต่อต้านสงคราม โดยเธอเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อต่อต้านสงคราม การเข้าร่วมประท้วงของเธอในครั้งนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเธอกับจู๊ด และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลูซี่หนีไปเพื่อทำตามอุดมการณ์ของเธอ และจู๊ดก็ได้พบเธอโดยบังเอิญขณะที่เธอกำลังร่วมกับกลุ่มผู้นำชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรง และถูกกำลังตำรวจเข้าจับกุม เขาพยายามจะเข้าไปช่วยเธอ แต่นั่นกลับทำให้เขาถูกจับและส่งกลับประเทศอังกฤษ หลังจากที่เขากลับไปเขาก็ไม่เคยมีความสุข ลูซี่ก็เช่นกัน จู๊ดจึงตัดสินใจกลับมาหาเธออีกครั้งโดยเดินทางอย่างถูกกฎหมาย และเขากับเธอก็ได้พบกันในที่สุด

ดิฉันคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ภาพและเพลงประกอบที่ให้ความรู้สึกได้ดี ด้วยเหตุที่ว่าเป็นภาพยนตร์เพลง การใช้เพลงเป็นสื่ออาจทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดีกว่าการใช้บทพูดทั่วไป เพราะภาษาที่ใช้ในบทเพลงเป็นภาษาที่มีความสละสลวยอยู่แล้ว อีกทั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีการใช้สัญลักษณ์ให้ผู้ชมได้ตีความกันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่หากผู้ชมดูเพียงเพื่อความบันเทิงแต่ไม่ได้สนใจในสัญลักษณ์เหล่านั้น ก็จะไม่ได้รับรู้ถึงรสของภาพยนตร์อย่างลึกซึ้งอย่างที่ผู้ทำภาพยนตร์ต้องการจะสื่อ


แต่การที่มีสัญลักษณ์ให้ตีความก็ทำให้ภาพยนตร์มีเรื่องราวและสาระมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตอนเปิดเรื่อง เปิดด้วยฉากริมทะเลที่มีคลื่นซัดสาดอย่างรุนแรง ซ้อนด้วยภาพเรื่องราวต่างๆของเรื่อง ทั้งความรัก สงครามและการต่อสู้ ดิฉันคิดว่าที่เปิดฉากอย่างนี้เพราะ บ้านเกิดของพระเอกของเรื่องอยู่ติดท่าเรือ และคลื่นที่ถาโถมเข้ามาก็เปรียบกับการที่ต้องต่อสู้อย่างดุเดือดและรุนแรงเพื่อเสรีภาพ และฉากที่พระเอกของเรื่องใช้สตรอเบอรี่เพื่อทำงานศิลปะ แสดงถึงความรุนแรงและเลือดเนื้อที่ต้องเสียไปจากสงคราม การแสดงสัญลักษณ์เหล่านี้ทำให้ผู้ชมต้องติดตามและคิดตามตลอดทั้งเรื่อง


นอกจากการใช้สัญลักษณ์เป็นภาพแล้ว เพลงก็เป็นสื่อสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วมไปกับภาพยนตร์มากขึ้น บางครั้งก็ใช้เพลงเดียวกันแต่ใช้เล่าเรื่องในหลายอารมณ์ ทั้งอารมณ์รุนแรง เข้มแข็งและอ่อนไหว ใช้เพลงเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลโดยที่ผู้ชมไม่รู้สึกขัดหูขัดตา

เมื่อพิจารณาจากชื่อเรื่อง Across the Universe ดิฉันสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันเพียงใด ทั้งในเรื่องระยะทาง ฐานะทางสังคม และความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่เมื่อคนสองคนมีความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน แม้อยู่ไกลกันคนละจักรวาลก็สามารถที่จะมาพบและรักกันได้

ไม่มีความคิดเห็น: