กนกวรรณ ตระการชวกุล
05490006
เนื้อเรื่องย่อ ดร.มัลคอล์ม โคร์ว จิตแพทย์เด็กผู้มีชื่อเสียง ถูกรบกวนด้วยความทรงจำอันปวดร้าว เมื่อเขาไม่สามารถช่วยเหลือคนไข้หนุ่มผู้ทนทุกข์ทรมานได้ ดังนั้น เมื่อเขาได้พบกับโคล เด็กชายผู้มีอาการทางจิตคล้ายเด็กหนุ่มคนนั้น ดร.โคร์ว จึงทำทุกอย่างเพื่อไถ่ถอนความผิดพลาดในอดีต เขาจึงมาชดเชยให้โคล แต่ ดร.โคร์ว ไม่ได้เตรียมตัวที่จะรู้ความจริงว่า สิ่งที่คอยรบกวนโคล มาโดยตลอดนั้น คือวิญญาณที่ไม่ได้ไปสู่สุคติ เขาสอนให้ โคล เผชิญหน้า และเขาก็รักษาโคล ได้ในที่สุดและสัมผัสที่ 6 ของโคลนี้เอง เป็นเครื่องที่บอก ดร.โคร์ว ในภายหลังว่า แท้ที่จริงแล้ว ตัว ดร.โคร์ว เองนั้น ได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว ด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มรายแรก ที่ตัวเขาเองไม่สามารถช่วยรักษาอาการทางจิตของเด็กหนุ่มคนนั้นได้
ความรู้สึกที่มีต่อภาพนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความรัก ความเศร้า ความดีใจ และเสียใจไปพร้อมๆกับความหดหู่ ความรู้สึกรักนั้น แสดงออกทั้งความรักของแม่ที่มีต่อลูก คือ แม่พยายามทำความเข้าใจลูกตนเอง ตัวแม่นั้นคิดถึงลูกอยู่ตลอดเวลา เห็นได้จาก แม้กระทั่งตอนหลับ แม่ยังเพ้อถึงลูกชายที่ชื่อโคล ว่า ลูกเป็นอะไร อีกทั้งยังมีความรักของคู่รักที่แสดงต่อกัน จะเห็นได้จากการที่ภรรยาของ ดร.โคร์ว คิดถึงสามีของตนเองอยู่ตลอดเวลา โดยที่เธอนั้น เอาวิดิโอ เทปงานแต่งงานของเขาทั้ง 2 มาเปิดดู และตอนหลับก็ยังเพ้อถึงสามีตนว่าทิ้งเธอไปทำไม
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้ปิดตายหัวใจของเธอเอง เธอยังพร้อมมีรักใหม่ได้เสมอ เห็นได้จากการที่เธอแสดงความรู้สึกที่มีต่อชายคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเธอ ด้วยการซื้อของขวัญวันเกิดให้เขา และกอดกัน แสดงว่าตัวเธอนั้นว้าเหว่ จึงพร้อมที่จะมีรักใหม่ แต่คนรักเก่าก็ยังคงอยู่ในใจเธอเสมอ ส่วนความรักที่ ดร.โคร์ว มีต่อภรรยานั้น ก็ทำให้เขาตัดสินใจเลือกภรรยามากกว่าที่ตะรักษาโคลต่อ เพราะตัวเขาเองคิดว่าเขาและภรรยาห่างกันเกินไป และคิดว่าภรรยาไปมีคนอื่นทั้งๆที่จริงแล้ว เขามารู้ภายหลังว่าตัวเขาเองนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว
และความรักที่ดร.โคร์ว มีต่อโคลนั้น เห็นได้จาก ตอนที่เขาบอกว่าไม่สามารถรักษาโคลได้ เพราะเขาเลือกภรรยานั้น แต่พอกลับถึงบ้าน เขาก็เอาเทปที่รักษาเด็กคนเก่ามาเปิดฟัง แล้วก็สามารถเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้ว โคลนั้นมีสัมผัสที่6 แสดงว่า แม้เขาจะไม่รักษา แต่เขาก็คิดถึงโคล อยู่ตลอดเวลา มันเป็นความรักที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด และต้องการจะชดเชยให้โคล แทนเด็กชายคนแรกที่เขาเป็นสาเหตุให้เด็กคนนั้นต้องตาย ทุกตอนของเรื่องนี้แฝงไปด้วยความเศร้า ความเศร้าที่ไม่สามารถรักษาเด็กคนก่อนได้ยังติดตัว ความเศร้าที่แม่ไม่เข้าใจว่าลูกตนเป็นอะไร และความเศร้าที่เกิดมาพร้อมกับความกลัวและหดหู่ของ โคล นั่นเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ ความรู้สึกเป็นอย่างมาก คือ ความรู้สึกผิดในตัวของดร.โคร์ว เองว่าสาเหตุให้เด็กชายคนก่อนหน้านั้นตาย จึงหันมาให้ความสำคัญกับ โคลเพื่อเป็นการชดเชย อีกทั้งยังมีความรู้สึกของโคล คือกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณที่มาขอความช่วยเหลือ เห็นจากที่ โคลนั้นต้องแอบหยิบ หุ่นพระแม่มารี พระเยซูในโบสถ์มาไว้ที่เต็นท์ที่เขาใช้ผ้ามาคลุมเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปอยู่และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
ฉาก บรรยากาศ และสถานที่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถให้ความรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้จากที่ผู้จัดเลือกใช้ภาพบรรยากาศในฤดูหนาว ที่แสดงถึงความแห้งแล้ง เยือกเย็น หดหู่และเศร้า แทนที่จะใช้ฤดูร้อน เพราะฤดูร้อนบ่งบอกถึงความกระตือรือร้น และรุ่มร้อน ฉากและสถานที่บ่งบอกถึงอารมณ์เป็นอย่างมาก เช่น ฉากที่โคลต้องแอบหลบที่เต็นท์ที่เขาใช้ผ้ามาคลุมเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปอยู่และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ผู้จัดเลือกให้โคล แอบหยิบหุ่นพระแม่มารี พระเยซูมา ไว้ในเต็นท์นี้ด้วย แสดงถึงความรู้สึกปลอดภัย เหมือนอย่างเช่น คนไทยที่พกพระ เพื่อป้องกันวิญญาณร้ายนั่นเอง ถ้าผู้จัดฉากแสดงฉากนี้แค่มีเต็นท์แต่ไม่มีพระแม่มารี หรือพระเยซูอยู่ในเต๊นท์ ความรู้สึกที่สื่อออกมาก็ได้แค่ความกลัวจึงหาที่หลบ แต่ที่มีพระเเม่มารี และพระเยซูอยู่ในเต็นท์ด้วยแสดงถึงนอกจากความรู้สึกกลัวแล้ว ยังต้องการความปลอดภัยอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการหักมุมในภายหลัง คือ การทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครดร.โคร์ว ว่าจะสามารถรักษา โคล ได้หรือไม่ แต่เมื่อรักษาได้แล้ว มีการหักมุมเกิดขึ้น นั่นคือ ตัวเขาเองพึ่งจะมารู้ความจริงในภายหลังว่าเขาตายแล้ว และ โคล ก็รู้ด้วยว่าเขา ตายไปแล้วจากการที่โคลบอกเขาว่า “ผมเจอวิญญาณทุกวันและตัวพวกเขาเองไม่รู้ว่าเขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วพวกเขาจะเห็นแต่สิ่งที่ต้องการเห็น ”แสดงว่า ดร.โคร์วคิดว่าตนเองมีชีวิตมาโดยตลอด และเขาพึ่งมารู้ทีหลังว่าการที่เขาสื่อสารกับภรรยาไม่ได้เป็นเพราะเขาตายแล้วนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น