วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Walk The Line อ้อมกอดรักก้องโลก


นางสาวฮานาน อีหมัน

05490486


เรื่องย่อ “Walk The Line อ้อมกอดรักก้องโลก”

เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของนักร้องชื่อดัง จอนนี่ แคลช หนุ่มผู้มีความฝันและพรสวรรค์ในการแต่งเพลง สมัยเด็กจอนนี่หลงใหลในเสียงเพลง เขามีปมในใจคือพ่อไม่เคยยอมรับในตัวเขาเพราะเขาไม่มีอะไรดีเลยเมื่อเปรียบกับแจ็คผู้เป็นพี่ชายที่ทั้งฉลาดและขยันทำงาน จอนนี่สนิทกับพี่ชายมาก วันหนึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทำให้เสียแจ็คไป พ่อได้แต่บอกว่าเอาลูกไปผิดคน

หลังจากนั้นพอจอนนี่โตขึ้น เขาออกจากบ้านไปเป็นทหารอากาศที่เยอรมันและได้พบรักกับวิเวียน ทั้งคู่แต่งงานและมีลูกด้วยกันสองคน เขาออกจากทัพอากาศมาเป็นพนักงานขายตรง วันหนึ่งระหว่างที่เขาออกไปขายของก็ได้พบสตูดิโออัดแผ่นเสียง เขาจึงตั้งวงดนตรีไปทดสอบจนได้เป็นนักร้อง และออกเดินสายแสดงการร้องเพลง ทำให้ได้เจอกับจูน คาร์เตอร์ นักร้องสาวที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยยังเด็กและเขาก็พบว่าเธอมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับเขา ฐานะครอบครัวจอนนี่ดีขึ้นมีเงินมีบ้าน แต่เขากลับไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำให้ภรรยาของเขาไม่พอใจและคัดค้านการเดินสายของเขา จอนนี่เครียดจึงหาทางออกด้วยการติดยา เขาเริ่มใส่อารมณ์ตัดสินปัญหา เมื่อเดินสายเปิดตัวไปตามเมืองต่าง ๆ ก็ทำให้จอนนี่และจูนก็มีความผูกพันกันมากขึ้น ระหว่างนั้นเขาก็ถูกจับเข้าคุกเพราะมียาเสพติด เมื่อเขากลับบ้านภรรยาเริ่มเห็นความผิดปกติของสามีจึงมีปากเสียงทะเลาะกันจนเป็นเหตุให้เธอพาลูกออกจากบ้าน

จากนั้นเขาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่ ในวันขอบคุณพระเจ้าระหว่างทานอาหารจอนนี่กับพ่อก็เกิดมีปากเสียงกัน และเพราะฤทธิ์ยาทำให้เขาคลั่ง หลังจากนั้นจูนก็คอยก็ช่วยเหลือดูแลเขาจนเลิกติดยาและกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็พยายามขอจูนแต่งงานหลายรอบ จนในที่สุดเธอก็ตอบตกลง เขาและเธอก็ได้รักและอยู่ด้วยกันตลอดไป อีกทั้งจอนนี่เองก็ยังได้รับการยอมรับจากพ่อของเขาด้วย

บทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง “Walk The Line อ้อมกอดรักก้องโลก”

เปิดเรื่อง ณ เรือนจำที่กำลังมีการแสดงดนตรีของจอนนี่ แคลช ทุกคนรอเขามาขึ้นร้อง แต่เขายังคงเหม่อลอยอยู่กับเลื่อยอันหนึ่งและสัมผัสมันเบา ๆ

จากนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เริ่มพัฒนาจากการเดินสายแสดงการร้องเพลงของเขา ทำให้เขาได้เจอกับจูน คาร์เตอร์ และเขาก็หลงรัก เรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นจากการเดินสายทุก ๆ ปี จูนหย่ากับสามี จอนนี่ติดยาและเข้าคุก จากนั้นภรรยาของเขาก็หย่าและพาลูกหนีไป

จุดสงสัย ทุกครั้งที่เขาออกไปร้องเพลงจะต้องใส่ชุดดำ จนใครหลายคนจะค้องร้องทักว่า “ทำไมต้องใส่เสื้อดำด้วย มันเหมือนกับจะไปงานศพ”

เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในจิตใจของจูน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็รักเขาและเขาก็รักเธอ แต่เธอต้องปฏิเสธและทำเป็นไม่ได้รักเขา เพราะเขายังมีภรรยาและลูก ๆ อยู่ แล้วเธอเองก็มีลูกอยู่แล้วด้วย

จุดวิกฤติได้เริ่มขึ้นเมื่อจอนนี่ขอเธอแต่งงาน ขอมาหลายต่อหลายครั้ง เธอก็ยังใจแข็งไม่รับคำขอ

และแล้วก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์เมื่อจอนนี่ขอเธอแต่งงานกลางเวที ขณะที่เขาและเธอกำลังแสดงการร้องเพลง จอนนี่หยุดร้องและจะไม่ร้องต่อหากเธอยังไม่ให้คำตอบกับเขา จากนั้นเธอก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้เธอต้องตอบ แล้วคำตอบของเธอก็คือตกลง

ปิดเรื่องด้วยกับความสุขของเขาและเธอที่ได้รักและอยู่ด้วยกันตลอดไป อีกทั้งจอนนี่เองก็ยังได้รับการยอมรับจากพ่อของเขาด้วย

สิ่งที่รับจากภาพยนตร์เรื่อง “Walk The Line อ้อมกอดรักก้องโลก”

หลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “Walk The Line อ้อมกอดรักก้องโลก” ทำให้รู้สึกถึงพลังและความมุ่งมั่นที่ของจอนนี่ แคลช ที่อยากจะพาตัวเองให้ไปสู่ความสำเร็จ ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะมีปมอยู่ในใจมาตลอดว่าผู้เป็นพ่อไม่เคยยอมรับในตัวเขาเลย และรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่ทำให้พี่ชายต้องตาย และด้วยภาวะแห่งความแล้งแค้นและความยากลำบาก เขาจึงต้องการไขว่คว้าหาความสุขให้กับตัวเองและครอบครัว และแล้วเขาก็ได้เปิดพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเขาออกมาจนได้เป็นนักร้องดังที่มีชื่อเสียง

เมื่อคนเราอยู่บนเส้นทางของซุปเปอร์สตาร์ น้อยคนหนักจะรู้หรือตระหนักในสิ่งที่ถูกต้อง จอนนี่หลุมหลงไปในความหอมหวานและความสุขที่ถูกหยิบยื่นให้เขาเสมอ และด้วยความผลีผลามทำให้เขาหันไปหาทางออกที่ผิดๆ นั่นก็คือการแก้ทุกข์ด้วยยาเสพติด ทำให้เขาต้องพบกับหายนะที่ตามมานั้นคือ การเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้คนรอบข้างต้องเป็นทุกข์

และเรื่องนี้ยังทำให้เรารู้ด้วยว่าความรักเพียงชั่ววูบไม่หยังยืนเท่ากับความรักที่มาจากความผูกพันและการคอยช่วยเหลือกันยามที่เดือดร้อน เห็นได้ว่าความรักระหว่างจอนนี่กับวิเวียนนั้น เป็นความรักเพียงชั่ววูบ ในเรื่องเขาทั้งสองคบกันได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น จากนั้นจอนนี่ก็ต้องจากไปเป็นทหารสองปี และก็กลับมาแต่งงานกับวิเวียน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักเธอดีพอ เมื่ออยู่กันไป จะพบว่าต่างคนต่างความคิด และวิเวียนก็ไม่เคยสนหรือจะให้กำลังใจจอนนี่เลย ทำให้เขาทั้งสองจำต้องจบกัน ซึ่งต่างจากความรักของจูนกับจอนนี่ ที่แม้ว่าจะเป็นความรักต้องห้าม แต่เขาทั้งสองก็รักกันเพราะความผูกพัน ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นได้จากทุกครั้งที่จอนนี่มีปัญหาหรือความทุกข์ จูนจะคอยให้กำลังใจและคอยช่วยเหลือเขาเสมอ สิ่งนี้ที่จูนมีคือสิ่งที่วิเวียนไม่เคยมีให้กับจอนนี่เลย

อีกทั้งความรักที่ผิดศีลธรรมที่เขาทั้งสองประสบนั้น จูน คาร์เตอร์ก็รู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องนั้นคืออะไร เธอจึงปฏิเสธที่จะรับรักจากจอนนี่มาตลอด แต่เมื่อจอนนี่ไม่มีใครแล้วเธอจึงยอมตกลงรับรักจากเขา แสดงให้เห็นถึงความมีมนุษยธรรมที่มีอยู่เหนือความปรารถนาหรือกิเลสในใจ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ผิด แต่ในสิ่งที่ผิดเหล่านั้นยังมีความเป็นเหตุเป็นผลที่ชี้ให้เห็นว่าเสิ่งเหล่านั้นยังมีความเหมาะสมของความถูกต้องอยู่ ก็เหมือนกับชีวิตของคนเราที่อาจก้าวเข้าไปทำในสิ่งที่ผิด โดยที่ตัวเขาเองอาจจะมีเหตุผลที่ต้องกระทำในสิ่งนั้นก็ได้ เมื่อมาเปรียบดูแล้วก็ทำให้คิดได้ว่า เราไม่ควรมองใครจากภายนอก จากการกระทำของเขาเพียงชั่ววูบหรือบางครั้งบางคราว แต่ควรมองเขาในหลาย ๆ ด้าน ลองเปิดใจให้กว้างและยอมรับกับทุกสิ่งที่จะมีเข้ามาในชีวิตของเรา “การตัดสินคน เราไม่สามารถตัดสินได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เพราะคนทุกคนล้วนเป็นคนเหมือนกัน”

ไม่มีความคิดเห็น: