วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ฤดูแล้งใน DArAtt


น.ส. ชวัลญา คุรุเสถียรพงศ์

05490096


ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ ความอดอยาก ภูมิประเทศอันแห้งแล้ง และสงครามกลางเมืองอันโหดร้าย ความแค้นของชายคนหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่...

ย้อนหลังกลับไปเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว Chad (อ่านว่า ช๊าด)ประเทศเล็กๆในทวีปแอฟริกาก็เป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่ต้องประสบกับปัญหาสงครามกลางเมือง รวมไปถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหันต์จนกลายมาเป็นเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้

อาติม เป็นเด็กหนุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามนี้โดยตรง เพราะเขาต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะลืมตาดูโลกเสียอีก และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ชื่อว่า “อาติม” ซึ่งแปลว่ากำพร้า เด็กชายเติบโตมากับปู่ และเมื่อมีการยุติสงครามกลางเมือง ทางการประเทศชาดได้ใช้นโยบายสมานฉันท์ (คนไทยน่าจะรู้จักคำนี้ดี) และประกาศนิรโทษกรรมนักโทษสงครามทั้งหมด หนึ่งในนั้นรวมไปถึงนาซาร่า มือสังหารที่ฆ่าพ่อของอาติมด้วย

ด้วยความสนับสนุนของปู่ ทำให้อาติมออกเดินทางตามหาตัวนาซาร่าเพื่อแก้แค้น เขาพบว่าอดีตมือสังหาร กลายเป็นเจ้าของโรงงานขนมปังผู้ใจบุญ แต่อาติมก็ยังไม่ล้มเลิกเจตนาเดิม เขาแฝงตัวเข้าไปทำงานในร้านขนมปัง แต่หลังจากที่ได้ขนมปังถาดแล้วถาดเล่าถูกผลิตขึ้นจากหยาดเหงื่อและแรงงานของเขาเอง สิ่งที่เด็กหนุ่มได้รับจากนาซาร่าคือความรัก ความเอ็นดูและข้อเสนอที่จะรับอาติมเป็นลูกบุญธรรมเพื่อสืบทอดกิจการทำขนมปังต่อไป ท้ายที่สุดแล้วอาติมก็ชักนำให้นาซาร่ามพบปู่ของเขาเพื่อจบเรื่องราวทั้งหมดเสีย และอาติมก็เลือกที่จะยุติความแค้นทั้งหมดด้วยมือของตนเอง...

ฉากแรกของเรื่องเปิดมาด้วยตอนที่อาติมกับปู่นั่งฟังประกาศจากทางรัฐบาล และได้รับรู้ว่าฆาตกรที่สังหารพ่อของเขามีชีวิตลอยนวลอยู่อย่างถูกกฎหมาย นับเป็นการจุดชนวนความแค้นของเด็กหนุ่มที่มีต่อนาซาร่า ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ที่เป็นปมสำคัญของเรื่องและชักนำให้ตัวละครดำเนินบทบาทต่อไป ความขัดแย้งนี้ยิ่งปรากฏชัดเมื่ออาติมเข้ามาทำงานกับนาซาร่า ถึงแม้ว่านาซาร่าจะให้ความเอ็นดูเพียงใดแต่แววตาของอาติมก็ยังคงแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง และเมื่อเรื่องราวดำเนินต่อมา ความขัดแย้งภายในจิตใจของอาติมก็เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากความลังเลใจและความสับสนว่าจะสังหารนาซาร่าดีหรือไม่

ตัวละครเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาติม หากลองเปรียบเทียบอาติมในตอนเริ่มเรื่องกับในฉากสุดท้าย จะพบว่าตัวละครตัวนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาการทางความคิดอย่างชัดเจน จากเริ่มแรกที่รับเอาความแค้นมาจากปู่ชนิดที่เรียกได้ว่ารับมาทั้งดุ้น แต่แล้วก็เกิดจุดพลิกผันขึ้นเมื่ออาติมได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของนาซาร่า และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะจบความแค้นด้วยวิธีที่ทำให้ผู้ชมอย่างเราต้องนับถือในน้ำใจและความเป็นลูกผู้ชายของเด็กหนุ่มคนนี้

อีกตัวละครหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันคือนาซาร่า ตัวละครนี้เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีความซับซ้อนและมีความขัดแย้งภายในตัวเองอยู่มาก ตั้งแต่ฉากแรกที่ปรากฏ นาซาร่านำขนมปังมาแจกจ่ายให้กับเด็กๆที่อดอยากซึ่งขัดกับภาพที่อาติมยึดติดว่าเขาเป็นฆาตกรอย่างชัดเจน และแม้ว่านาซาร่าเองจะเป็นคนที่ทำให้อาติมกำพร้าพ่อ แต่ตัวละครตัวนี้กลับเป็นคนที่สามารถให้ความรัก ความเอ็นดูและทำหน้าที่ของความเป็นพ่อให้กับอาติมได้อย่างแท้จริง

ในภาพยนตร์เรื่อง DArAtt มีจุดสังเกตที่น่าสนใจอยู่หลายจุด และในหลายๆจุดนั้นก็ได้สะท้อนให้ผู้ชมอย่างเราได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เช่นการใช้ขนมปังเป็นสื่อกลางระหว่างอาติมกับนาซาร่า ถ้าหากว่าจะคิดตาม ผู้ชมทุกคนคงเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมต้องเป็นขนมปัง?” นัยหนึ่งอาจจะต้องการสื่อว่าเมืองชาดตกอยู่ใต้อำนาจอิทธิพลของฝรั่งเศส แต่เมื่อลองพิจารณาดูดีๆแล้ว ขั้นตอนแต่ละขั้นของขนมปังที่เขาเรียนรู้ก็เหมือนกับตัวตนที่แท้จริงของนาซาร่าที่ปรากฏขึ้นทีละน้อย เมื่ออาติมรักการทำขนมปังจากใจจริง กลายเป็นว่าเขาเองก็ผูกพันกับนาซาร่ามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ท้ายที่สุดแล้วขนมปังจึงเป็นเหมือนสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสองตัวละครนี้เข้าด้วยกัน

ถึงแม้ว่า DArAtt จะเป็นหนังที่ดูแล้วต้องคิดตามมากสักหน่อย ทั้งยังไม่มีฉากตื่นตาตื่นใจเหมือนหนังฮอลลีวูดทั่วไป แต่ภาพที่ฉายให้ผู้ชมเห็นทางมุมกล้องแคบๆตามแบบฉบับทุนต่ำ กลับสะท้อนให้เห็นอะไรที่กว้างกว่าที่ตาเห็น

อย่างหนึ่งคือสัจธรรมเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เคยให้ผลประโยชน์กับฝ่ายใดเลย…

อย่างที่สอง...ความหมายของคำว่า “สมานฉันท์” อย่างแท้จริง เฉกเช่นที่อาติมมอบให้กับนาซาร่า... (คนไทยควรศึกษากรณีนี้เป็นพิเศษ)

และสิ่งสุดท้าย... แม้แต่ในฤดูกาลอันแห้งแล้ง แต่หัวใจของมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างอาติมก็ไม่เคยแห้งผากเหมือนดังทะเลทรายเลย.

ไม่มีความคิดเห็น: