วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

DArAtt


น.ส.รุ่งทิวา ลักษณ์สิริเลิศ 05490320

DArAtt เป็นภาพยนตร์จากประเทศชาร์ค อยู่ทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นเมืองขึ้นของประเทศเบลเยี่ยมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศฝรั่งเศส ทำให้ตัวละครในเรื่องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร ช่วงเวลาในภาพยนตร์เป็นช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นซึ่งสงครามนี้ได้ยืดเยื้อมาถึง 40 ปีแล้ว “อาติม”(อาติมแปลว่า กำพร้า) ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องได้เสียพ่อไปเพราะสงครามครั้งนี้ได้มีปู่ที่ตาบอดผลักดันให้อาติมไปตามหา “นาสร่า”ที่เป็นผู้ฆ่าพ่อของอาติมแล้วแก้แค้นเสียพร้อมให้ปืนไปหนึ่งประบอก อาติมได้เข้าไปในเมืองเพื่อตามหานาสร่าและได้พบว่านาสร่าเปิดร้านขายขนมปังในเมือง อาติมได้เฝ้ามองและสะกดรอยตามนาสร่าหลายวัน ตั้งแต่นาสร่าไปละหมาดหรือแจกขนมปังเด็กๆ เมื่อนาสร่าได้รับรู้การมีตัวตนของอาติมก็ได้ชักชวนอาติมให้เป็นลูกมือในการทำขนมปังของตน อาติมได้พบกับไอชาภรรยาสาวของนาสร่าที่ท้องแก่ เมื่ออาติมได้อยู่ในบ้านของนาสร่านานเข้าและได้พบกับพฟติกรรมต่างๆของนาสร่าที่ไม่คาดคิด เช่น การไปทำละหมาดทุกวัน การแจกขนมปังเด็กๆ และคำพูดของนาสร่าที่พูดกับอาติมว่า
“Everybody is lost something” ทำให้อาติมตัดสินใจฆ่านาสร่าไม่ลง วันหนึ่งนาสร่าได้ขอให้อาติมเป็นลูกบุญธรรมของตนโดยใช้คำพูดว่า “when I met you, I feel alive” อาติมไม่ตอบตกลงแต่พานาสร่าไปหาปู่ของตนและตัดสินใจผลักนาสร่าให้นอนลงแล้วยิงปืนขึ้นฟ้าต่อหน้าปู่ที่ตาบอดของตน อาติมปล่อยนาสร่าไปแล้วเดินจากไปพร้อมกับปู่ของตน

จากเรื่องแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มตนของเรื่องคือความแค้นของปู่ที่มีต่อนาสร่า ซึ่งตอนที่พ่อของอาติมถูกฆ่าตายนั้น อาติมยังไม่เกิดหรือถ้าเกิดแล้วอาจยังจำความไม่ได้ ปู่ของอาติมได้ฝังความแค้นลงกับอาติมให้อาติมรู้สุกแค้นเคืองคนที่ไม่เคยเห็นหน้า นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของตัวละครกับจิตใจของตนคือตอนที่อาติมเอาปืนออกมาเตรียมจะยิงนาสร่าแล้วแต่ก็ยิงไม่ลง ในภาพยนตร์แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอาติมมือสั่นไม่กล้ายิง ภาพยนตร์แสดงให้เห็นชัดเจนถึงอารมณ์ของอาติมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตั้งแต่ก่อนเข้าเมืองคืออาติมเป็นคนพูดน้อย เงียบและเก็บตัวแต่เมื่อได้มาอยู่ที่บ้านของนาสร่าแสดงให้เห็นชัดเจนว่าอาติมพูดมากขึ้น มีการยอกล้อคุยเล่นกับไอชา บางครั้งยังไปแจกขนมปังให้เด็กๆแทนนาสร่า ส่วนนาสร่าเองก็เปลี่ยนแปลงไป แรกๆที่พาอาติมมาอยู่บ้านจะพูดต่อว่าอาติมหลายครั้ง (นาสร่าพูดเหมือนคนปกติไม่ได้ เป็นแผลที่คอจากสงครามต้องใช้เครื่องช่วยพูด) มีการลงไม้ลงมือกับอาติมในบ้างครั้งแต่นาสร่าก็พูดขอโทษอาติมว่าบางครั้งตนเองก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อยากให้เข้าใจและขอโทษด้วย นาสร่าเองยังเคยให้อาติมเข้าไปถึงห้องนอนของตนและให้ช่วยทายาให้แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวอาติมมาก

จุดสำคัญของเนื้อเรื่องคือความขัดแย้งของตัวละครหลักคืออาติม ครั้งแรกจะแสดงให้ให้ถึงอารมณ์ความต้องการแก้แค้นของอาติม พฤติกรรมของอาติมที่เปลี่
ยนไปหลังจากมาอยู่กับนาสร่า จะเห็นได้ว่าปู่ของอาติมสอนอาติมโดยการพูดเพียงอย่างเดียวว่าไปแก้แค้น แต่นาสร่าสอนอาติมด้วยคำพูดและให้ลองลงมือ เช่น ตอนทำขนมปัง นาสร่าได้บอกอาติมว่าขนมปังต้องอาศัยความเอาใจใส่และความรัก จากนั้นก็ให้เข้าครัวทำขนมปังกับตน และสุดท้ายก็ให้อาติมลองทำคนเดียวจนประสบความสำเร็จ การกระทำของนาสร่าที่มีต่ออาติมนี่เองที่เป็นปัจจัยหลักทำให้อาติมตัดสินใจฆ่านาสร่าไม่ลง
สถานที่ที่อยู่ในภาพยนตร์ ครั้งแรกจะเป็นชนบทของประเทศแถบแอฟริกา คือบ้านที่สร้างด้วยดิน บรรยากาศแห้งแล้งมีแต่ฝุ่นเข้ากับชื่อเรื่อง (DArAtt แปลว่า Dry season) เมื่ออาติมได้เข้ามาในเมืองก็ได้แสดงห็เห็นถึงความแตกต่างของชนบทคือมีถนนหนทางดีขึ้น มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน มีร้านค้ามากมาย แต่บ้านของผู้คนก็ยังเป็นบ้านที่สร้างด้วยดินแต่สังเกตว่าช่วงเวลาของเรื่องน่าจะอยู่ในช่วงสมัยใหม่พอสมควรเพราะจากเรื่องมีฉากที่อาติมใช้โทรศัพท์มือถือ มีโรงแรมแรมทันสมัย มีผับ แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของเรื่องคือช่วงกลางวันแดดจะร้อนอบอ้าว ผู้หญิงจะโพกผ้าผิดมิดชิด แต่กลางคืนในโรมแรมมีการเต้นรำ ผู้หญิงแต่งตัวเหมือนคนยุโรปคือใส่สายเดี่ยว กระโปรงสั้นๆเต้นรำกับผู้ชาย

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ค่อยสรุปกระทำของตัวละครแต่จะให้ผู้ชมนำเก็บไปคิดต่อ หลายจุดทีเดียวที่เป็นข้อสงสัยของข้าพเจ้า คือ
- ทำไมไอชาถึงถอดผ้าคลุมผมต่อหน้าอาติม
- อาติมรักไอชาหรือ สังเกตจากตอนที่ไอชาแท้งลูกของนาสร่าแล้วเธอเข้ามากอดอาติม รวมไปถึงการหยอกล้อกันต่างๆในเรื่อง
- มีครั้งหนึ่งที่อาติมลืมปืนของตนไว้ในห้องน้ำแล้วนาสร่าเก็บได้ เมื่อนาสร่ารู้แล้วว่าอาติมมาเพื่ออะไรแล้วทำไมถึงยังให้อาติมอยู่ต่อ
- อาติมมีความแค้นกับนาสร่าจริงหรือ ในเมื่ออาติมไม่เคยผูกพันกับพ่อใดๆ
บางจุดต้องอาศัยความเข้าใจทางศาสนาเข้ารวมชมด้วยคือ ตอนที่อาติมจะฆ่านาสร่าในตอนจบ ปู่ของอาติมบอกให้อาติมถอดเสื้อผ้าของนาสร่าก่อนแล้วจึงลั่นไก เป็นต้น

เป็นที่สังเกตอีกประการหนึ่งว่าฉากของเรื่องส่วนใหญ่จะมีสีโทนอ่อนๆ เช่น สีเหลือง สีน้ำตาล เข้ากับบรรยากาศความแห้งแล้ง แต่ว่าตัวละครส่วนใหญ่โดยเฉพาะอาติมมักจะใส่เสื้อยืดที่เป็นสีสัน เช่น สีแดง สีส้ม สีฟ้าสว่าง กางเกงก็จะเป็นสีน้ำเงินสว่างๆ หรือตัวไอชาก็จะมีผ้าโพกสีสว่างๆ เช่น สีเขียวอ่อนๆ สีแดง เป็นต้น
โดยรวมแล้วข้าพเจ้าคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ค่อนข้างเป็นภาพยนตร์ที่ดีคือให้ข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิต แม้ว่าจะค่อนข้างเข้าใจยากคืออย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตัวละครใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสารและ
Subtitleของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษ ตอนชมต้องดูฉาก อารมณ์ สีหน้า น้ำเสียง ของตัวละครและต้องแปลความหมายของ Subtitle ตาม บางจุดแปลตามไม่ทันทำให้ขาดช่วงไปเลยแต่ว่าเมื่อชมภาพยนตร์จบก็มีอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างในบางเรื่องที่ไม่เข้าใจ เช่น หลักศาสนาอิสลามต่างๆ ทำให้เข้าใจในเนื้อเรื่องมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: