
น.ส. สริญลา เซ็นเสถียร
05490400
05490400
เด็กชายวัยเก้าขวบ ฮานิ เด็กที่ร่าเริงสดใสแต่ก็ชอบก่อปัญหาตามประสาเด็ก ไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือว่าที่บ้าน ฮานิคิดเสมอว่า พ่อ แม่ และพี่ชายอยู่ภายใต้ความควบคุมของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าพี่ชายคนเดียวของเขาป่วยด้วยโรคมะเร็ง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พ่อและแม่เครียดหนักกับอาการป่วยของลูกชายคนโต
เมื่อพี่ชาย ฮันบุลได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้พบกับเพื่อนใหม่ชื่อ “วุค” วุคป่วยด้วยโรคลูคีเมียมาป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังเป็นเด็กทีมีอารมณ์ขันและจิตใจที่ดี เป็นขวัญใจของทุกคนในโรงพยาบาล ฮานิและครอบครัวของเขาเรียนรู้อะไรบางอย่างจากครอบครัวของวุคและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ฮานิเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตนเองให้เข้ากับคนรอบข้างได้ ทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น เพราะว่าเห็นตัวอย่างที่ดีจากวุค และครอบครัวของวุค
1. การเปิดเรื่อง เรื่มจากเด็กน้อยฮานิ นั่งเรียนวิชาแต่งประโยคเกี่ยวกับแมว ซึ่งเขาเป็นคนที่ไมมีความสามารถทางด้านนี้เสียเลย จนคุณครูดุ ผิดกับเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นคนเก่งและดูฉลาดหลักแหลม การเปิดเรื่องดูแล้วประทับใจ นึกถึงภาพมื่อตอนตัวเองยังเป็นเด็กๆประถมศึกษาตอนต้น
1. การเปิดเรื่อง เรื่มจากเด็กน้อยฮานิ นั่งเรียนวิชาแต่งประโยคเกี่ยวกับแมว ซึ่งเขาเป็นคนที่ไมมีความสามารถทางด้านนี้เสียเลย จนคุณครูดุ ผิดกับเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นคนเก่งและดูฉลาดหลักแหลม การเปิดเรื่องดูแล้วประทับใจ นึกถึงภาพมื่อตอนตัวเองยังเป็นเด็กๆประถมศึกษาตอนต้น
2. เหตุการณ์เริ่มพัฒนา วันหนึ่งฮานิไปหาพี่ชายที่ห้องเรียนพละ พบว่าพี่ชายไม่สบาย จึงกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แม่กลับมาจึงดุหาว่าลูกๆหนีเรียน แต่พอพบว่าลูกชายคนโต ฮันบุลป่วยและอาการหนักมาก เลยพาไปหาหมอ พ่อแม่เครียดและสงสารลูกชายจับใจ
3. จุดสงสัย –
4. ความขัดแย้ง
-ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ คือฮานิ และวุคในช่วงแรกๆ ที่ฮานิให้ไพ่พลังแก่พี่ชายเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย แต่พี่ชายนำไปให้วุคเพราะเห็นว่า วุค เก่งกาจ ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมาอย่างอดทนแต่ว่าฮานิไม่พอใจ และน้อยใจพี่ชายที่ไม่เห็นความสำคัญกับไพ่พลังที่เขาให้ เกิดอคติกับวุคและหาว่าวุคเป็นเด็กบ้านนอก
-ระหว่างมนุษย์และจิตใจ ในตอนที่แม่ของฮันบุล ต้องเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจเรื่องลูกชายเอาไว้ แม้ว่าภายในจะขมขื่นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอ ร้องไห้ออกมาให้ลูกๆเห็นได้
5. จุดวิกฤติ คือ ตอนที่ฮานิไปอยู่บ้านของวุค เป็นตอนที่น่าประทับใจ เพราะเห็นถึงเด็กต่างจังหวัดที่เติบโตมากับธรรมชาติ ว่ามีความสุขและเรียบง่ายเพียงใด ฮานิ ซึ่งไม่เคยสัมผัสกับชีวิตเช่นนี้มาก่อน เขาจึงประทับใจ และเป็นช่วงที่เปลี่ยนพฤติกรรมของฮานิอย่างมาก ในช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่ฮานิและวุคแอบหนีขึ้นไปบนเขา ผจญภัยต่างๆ
6. จุดไคลแมกซ์ เมื่อพี่ชายต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่สอง ฮานิรีบขึ้นไปบนภูเขาที่เขาเคยไปเมื่อครั้งไปอยู่บ้านวุค เพื่อไปเอาน้ำ แร่หรือที่ฮานิคิดว่าเป็นวิเศษมาให้พี่ชายดื่ม หวังว่าจะให้พี่ชายหายจากอาการเจ็บป่วย เขาต้องวิ่งขึ้นไปด้วยความยากลำบาก และรีบนำมันกลับมา แต่ไม่มีใครยอมดื่มเพราะกลัวเป็นอันตราย เมื่อพี่ชายซึ่งกำลังอยู่ในขั้นโคม่า ได้ยินเสียงน้องร้องเรียกเลยฟื้น หลังจากนั้นแค่เสี้ยวนาที วุค ที่นอนอยูเตียงข้างๆก็เสียชีวิตอย่างสงบ เป็นฉากที่เศร้ามากเพราะเห็นถึงความอดทนต่อโรคร้ายอย่างกล้าหาญของหนูน้อยวัยเพียงเก้าขวบ และตอนเขาจากไป เขาก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจในเพื่อนใหม่ของเขาที่ชื่อฮานิ ที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่ชายอาการดีขึ้น
7. การปิดเรื่อง เมื่อฮันบุลฟื้น เขาต้องสูญเสียการมองเห็นไปและเขาเริ่มฝึกอักษรเบลล์ แต่เขาก็เข้มแข็ง โดยมีฮานิเป็นเพื่อนเล่น คอยดูแลพี่ชายไม่ห่าง พาพี่ชายไปเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนานแต่พวกเขาทั้งสองยังคงระลึกถึงเพื่อน ผู้เข้มแข็งของเขาไม่มีวันลืม
บทภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานจากเรื่องจริง จึงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายและเข้าถึงผู้ชม แต่สิ่งที่เป็นตัวส่งเสริมภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงของเหล่านักแสดงทั้งหลายซึ่งทำให้ผู้ชมเชื่อว่ามันคือ “ของจริง” จินตนาการของวัยเด็กจึงทำให้เหตุการณ์หลายอย่างดูสนุกมากยิ่งขึ้น การผจญภัยต่างถิ่นและไม่คุ้นเคยของ ฮานิ การแสดงของ พาร์ค จิ-บิน ที่ดูสดใสและเข้าใจในบทบาทที่ตนเองได้รับ มันยิ่งทวีคุณเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าไปอีก
บทภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานจากเรื่องจริง จึงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายและเข้าถึงผู้ชม แต่สิ่งที่เป็นตัวส่งเสริมภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงของเหล่านักแสดงทั้งหลายซึ่งทำให้ผู้ชมเชื่อว่ามันคือ “ของจริง” จินตนาการของวัยเด็กจึงทำให้เหตุการณ์หลายอย่างดูสนุกมากยิ่งขึ้น การผจญภัยต่างถิ่นและไม่คุ้นเคยของ ฮานิ การแสดงของ พาร์ค จิ-บิน ที่ดูสดใสและเข้าใจในบทบาทที่ตนเองได้รับ มันยิ่งทวีคุณเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าไปอีก
การแสดงในเรื่องนี้คือเสน่ห์ที่สำคัญที่ทำให้คล้อยตาม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ที่ตกอยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่า “หัวอกเดียวกัน” การเห็นใจกัน การให้กำลังใจกัน เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่ตกอยู่ในภาวะทุกข์ โดนเฉพาะในฉากที่แม่ของวุคแนะนำแม่ของฮานิว่าเศร้าได้แต่อย่าให้ลูกเห็น นั่นเป็นการบอกถึงอาการกดอารมณ์ที่หม่นหมองไว้เพื่อไม่ให้ลูกที่ป่วยทางกายอยู่แล้วป่วยทางใจเพิ่มอีก และผลลัพธ์ที่แม่ของวุคได้นั้นก็คือ ทำให้วุคเป็นเด็กที่มีอารมณ์แจ่มใส จนมองข้ามอาการป่วยไปเลย.. การแสดงของนักแสดงก็เรียกได้ว่าสมบทบาท การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเล่าโดยผ่านการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะการพูดคุยระหว่างพี่น้อง หรือการแกล้งกันของเพื่อน ที่เป็นในแบบเด็กๆ ดูร่าเริงสดใส แต่ฉากบางฉากอาจจะดูรุนแรงไปสำหรับวัฒนธรรมไทย เช่น ฉากที่ฮานิเอาน้ำป่นกับอึของตัวเองสาดพี่ชายของเขา มันอาจจจะดูไม่เหมาะสมแต่นั่นก็อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งมุขตลกต่างๆ ในภาพยนตร์ก็แสดงได้อย่างไหลลื่น และไม่รู้สึกเหมือนพยายามที่จะให้ผู้ชมหัวเราะ การดำเนินเรื่องทั้งหมดของหนังเรื่องนี้จะใช้ฮานิตัวละครเดียวในการเล่าเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดจะเล่าผ่านฮานิ เป็นการเล่าเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ ทั้งที่ผู้ชมจะเห็นหน้าของฮานิตลอดทั้งเรื่องก็ตาม
บรรยากาศของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะธรรมดามากเพราะฉากของหนังส่วนใหญ่จะเป็นโรงพยาบาล และ บ้านในชนบทดังนั้น จึงมุ่งเน้นไปในทางที่ดูเป็น เรียกว่าไม่เน้นฉาก แต่เน้นการแสดงของตัวละคร
ดนตรีประกอบ ใช้อย่างพอดี และใช้ในฉากที่จำเป็นที่ต้องการบอกอารมณ์ของเหตุการณ์ในหนังช่วงนั้น มุมกล้องในภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะทำเหมือนกับว่าผู้ชมมีส่วนร่วมหรือยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ดนตรีประกอบ ใช้อย่างพอดี และใช้ในฉากที่จำเป็นที่ต้องการบอกอารมณ์ของเหตุการณ์ในหนังช่วงนั้น มุมกล้องในภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะทำเหมือนกับว่าผู้ชมมีส่วนร่วมหรือยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะทำให้ใครหลายคนประทับใจได้และให้ข้อคิดว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตไปกับครอบครัวคุ้มค่าแค่ไหน เรายิ้ม และหัวเราะไปพร้อมกับครอบ ครัวเพื่อนฝูง และคนรอบข้างของเราเพียงพอแล้วรึยัง
1 ความคิดเห็น:
ชอบเรื่องนี้มาก..
รักมากเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น