วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มหัศจรรย์ร้านของเล่นพิลึกโลก : Mr.Magorium’s Wonder Emporium


เอื้อบุญ จงสมชัย 05490483


คุณมาโกเรี่ยมบอกว่า “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ”

นานเท่าไรแล้วนะ ที่ฉันกับน้องเล่นสมมติเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย เล่นเป็นแม่มดผู้มีเวทมนตร์คาถา เล่นพูดคุยกับตุ๊กตา แล้วเมื่อไรกันที่เราเลิกเล่นแบบนี้ และเลิกเชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถา คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาและวนเวียนอยู่ในหัวของฉันหลังจากได้ชมภาพยนตร์เรื่อง มหัศจรรย์ร้านของเล่นพิลึกโลก
มหัศจรรย์ร้านของเล่นพิลึกโลก : Mr.Magorium’s Wonder Emporium เป็นภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันแต่ถ่ายทำที่ประเทศแคนาดา โดยสตูดิโอ Walden Media กำกับและเขียนบทโดย Zach Helm

ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของ มาโฮนี่ มอลลี่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเมื่อวัยเด็กเธอกวาดรางวัลการแข่งขันเปียโนจากทุกเวทีจนเป็นที่กล่าวขวัญ เธอเป็นผู้จัดการห้างของเล่นมหัศจรรย์ของคุณมาโกเรียม ชายแก่อารมณ์ดีวัย 234 ปี ที่กำลังจะเกษียณตัวเองและยกร้านให้กับมาโฮนี่ผู้ไม่เคยมั่นใจกับความสามารถของตน คุณมาโกเรี่ยมได้จ้างเฮนรี่นักบัญชีหนุ่มแสนเย็นชามาดูแลเรื่องการเงิน เขาคร่ำเคร่งอยู่กับงานตลอดเวลาจนได้เจอเอริคเด็กชายวัย 9 ขวบที่ชอบมาขลุกอยู่ห้างทั้งวัน จากนั้นทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน คุณมาโกเรียมได้มอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้กับมาโฮนี่เธอนำกล่องกลับไปวางไว้ที่บ้านแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาโฮนี่ยังคงเล่นเปียโนทุกเช้าและมาเปิดห้างทุกวัน จนวันหนึ่งเธอได้รับรู้ความจริงว่าคุณมาโกเรียมกำลังจะจากโลกนี้ไปและหวังว่าเธอจะเป็นผู้ดูแลกิจการต่อจากเขา และราวกับว่าเจ้าร้านของเล่นจะรับรู้เรื่องนี้ จากร้านที่สดใสกลับกลายเป็นร้านที่หม่นเศร้าทึมเทาและเกรี้ยวกราด มาโฮนี่จึงทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมาโกเรี่ยมรู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่และไม่อยากจากโลกนี้ไป แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เป็นผล คุณมาโกเรียมได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ห้างและของเล่นทั้งหลายกลายเป็นสีดำ มาโฮนี่จึงปิดร้านและประกาศขายกิจการ เฮนรี่กับเอริคจึงขอร้องให้เธอดำเนินกิจการต่อพร้อมกับให้กำลังใจเธอ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อมาโฮนี่เชื่อมั่นในตัวเอง ห้างและของเล่นทั้งหลายจึงกลายจากสีดำเป็นสีสันสดใสและมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อครั้งที่คุณมาโกเรี่ยมยังมีชีวิตอยู่ มาโฮนี่และเฮนรี่จึงดำเนินกิจการร้านของเล่นมหัศจรรย์ต่อไปด้วยความเชื่อมั่น

ภาพยนตร์เปิดฉากที่เบลินี่ในห้องใต้ดินของร้านซึ่งเป็นคนทำหนังสือและประวัติของคุณมาโกเรี่ยม โดยมีเสียงของเด็กชายเอริคเป็นผู้เล่าเรื่องจากสิ่งที่เบลินี่ได้บันทึกไว้ จากนั้นเรื่องก็ดำเนินไป เห็นบรรยากาศร้านของเล่นที่มหัศจรรย์น่าตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยจินตนาการ
เช้าวันนั้นนั่นเองคุณมาโกเรี่ยมได้มอบกล่องไม้ให้กับเธอ แล้วก็มีเหตุการณ์ที่น่าสงสัยตามมาหลายอย่างในวันนั้น ทั้งการเข้ามาของสมุห์บัญชี ร้านของเล่นที่เกรี้ยวกราดใส่ลูกค้า และการประกาศอำลาของคุณมาโกเรี่ยม มาโฮนี่สับสนและเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจของเธอ และความขัดแย้งระหว่างเธอกับเฮนรี่ เธอคิดว่าเธอทำห้างไม่ได้เพราะเธอไม่มีเวทย์มนต์ และเธอก็ไม่ชอบเฮนรี่เพราะเฮนรี่เป็นเหมือนคนทั่ว ๆ ไปที่เห็นทุกอย่างเป็นแค่สิ่งที่มันเป็น ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของสิ่งอื่น ๆ รอบข้าง
มาโฮนี่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง เธอเชื่อในทุกสิ่ง เชื่อว่าคุณมาโกเรียมมีเวทย์มนต์ แต่กลับไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง แต่คุณมาโกเรียมคอยให้กำลังใจกับเธอเสมอว่า สักวันหนึ่งโลกจะต้องตะลึงกับ บทเพลงมาโฮนี่หมายเลข 1 ของเธอ แม้กระทั่งการตายของคุณมาโกเรียมยังเปิดโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ความเชื่อมั่นในตัวของเธอเอง ดังที่เขาบอกกับเธอว่า “ชีวิตเธอคือโอกาส จงผงาดให้ได้”
คุณมาโกเรียมเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย เดินทางมานักต่อนัก สังเกตจากกล้องมักจะจับไปที่รองเท้าและเท้าของเขา เป็นผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่จริง ๆ กล่าวคือ เข้าใจเด็ก เข้าใจชีวิต วิธีการใช้ชีวิตของเขาจึงเป็นตัวอย่างที่น่าเอาเยี่ยง เขาใช้ชีวิตอย่างเบิกบาน และคุ้มค่า เผชิญหน้ากับความตายด้วยรอยยิ้ม เขาเปรียบการตายของตนว่าเป็นการจบเรื่องเพื่อให้โอกาสสำหรับเรื่องใหม่ที่จะเริ่มขึ้น
เฮนรี่เป็นตัวละคร ที่ไร้อารมณ์ในตอนแรก ทุกขณะจิตคืองาน งาน และ งาน อย่างที่เขาบอกกับเอริคว่า เขาไม่เคยหยุดทำงาน เฮนรี่ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่มีเวลาเล่น ไม่มีเวลาพักผ่อน ขาดความรื่นรมย์ กระทั่งเขาลองเปิดใจให้กับเอริค เขาจึงใส่ใจกับคนรอบข้างมากขึ้น
จุดวิกฤติเริ่มขึ้นหลังจากที่คุณมาโกเรี่ยมได้จากไป พร้อมกับร้านของเล่นที่กลายเป็นสีดำราวกับไว้อาลัยให้เจ้าของร้าน มาโฮนี่ประกาศขายร้านและมีผู้มาติดต่อขอซื้อร้าน คืนนั้นเองเฮนรี่ได้มาหาเธอที่ร้านเรื่องลูกค้าเร่งมาว่าอยากได้ร้านเร็ว ๆ มาโฮนี่สับสนว่าเธอจะขายร้านดีไหม แต่เฮนรี่แนะนำเธอในฐานะเพื่อนว่าเธอควรเก็บห้างนี้ไว้ ขณะเดียวกันนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นกล่องไม้ เธอบอกเขาว่ามันเป็นกล่องไม้ที่จะช่วยไขปริศนาได้ และเธอเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่ากล่องไม้นี้มีความมหัศจรรย์อยู่ ทันใดนั้นเองกล่องไม้ก็ออกวิ่งและบินไปรอบ ๆ ร้าน
เรื่องคลายปมที่ เฮนรี่เองได้เห็นกับตาจึงเชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์มีจริง และบอกกับมาโฮนี่ว่ากล่องไม้คือตัวเธอ สิ่งที่เธอต้องเชื่อไม่ใช่กล่องไม้แต่เป็นตัวของเธอเองต่างหาก คำพูดนี้กระทบใจเธอเข้าเธอจึงรู้สึกถึงความเชื่อมั่น ปมในใจของเธอก็ได้คลี่คลายไปพร้อมกับการเปิดหัวใจรับเฮนรี่
ความเชื่อมั่นได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของหัวใจ เมื่อเธอกระดิกนิ้วเหมือนเล่นเปียโนจึงมีเสียงเพลงดังขึ้นจริง ๆ แววตาของเธอเต้นเป็นประกาย เธอใช้มืออันพลิ้วไหวของเธอร่ายไปรอบ ๆ เหล่าของเล่นทั้งหลายและห้างก็กลับกลายเป็นสีสันสดใสและมีชีวิตชีวาดังเดิม
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้นที่ดูได้ ถึงแม้ว่าฉากและบรรยากาศจะใช้สีที่เรียกได้ว่าเป็นสีลูกกวาด แต่ข้อคิดที่แฝงไว้ข้างในเปี่ยมล้นจริง ๆ หากจะเปรียบกับหนังสือก็คงคล้าย ๆ กันกับเจ้าชายน้อย ไม่ได้คล้ายตรงที่โครงเรื่องแต่คล้ายกันในประเด็นที่ว่า หากผู้ชมเป็นเด็กก็จะสนุกสนานเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจไปกับของเล่นมหัศจรรย์และเวทย์มนต์ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ก็ได้แง่คิดหลายอย่างเลยทีเดียว
ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าก็ในเมื่อตอนเด็ก ๆ เรายังเป็นเจ้าหญิงได้ แล้วตอนนี้จะทำในสิ่งที่ฝันไม่ได้เชียวหรือ ?? ....ฉันว่าได้นะ ขอแค่เราเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นว่าเราทำได้ หากคุณมาโกเรียมเป็นคนอีสานเขาคงต้องบอกว่า “ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” เป็นแน่แท้ แต่เชื่อแล้วนอนรอเฉย ๆ คงไม่เกิดผลแน่ ๆ เชื่อมั่นแล้วให้ลงมือทำทันทีไม่ว่าอะไร คงไม่ไกลเกินความสามารถของมนุษย์อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: