วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

The Shawshank Redemption


นางสาวเด่นนภา ประวิชพราหมณ์
๐๕๔๙๐๑๔๑


เรื่องย่อ

The Shawshank Redemption เข้าฉายเมื่อปี 1994 เป็นเรื่องราวของนายธนาคารหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า แอนดี้ ดูเฟรส์น ที่ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต 2 ครั้งต่อกันจากข้อหาฆ่าภรรยาและชู้ ทั้งที่เขาไม่ได้ฆ่า

แอนดี้ถูกส่งไปที่คุกชอว์แชงค์ แอนดี้เป็นคนเงียบๆ ในช่วงเดือนแรกเขาไม่เคยพูดกับใครเกิน 2 คำเลย กระทั่งวันหนึ่งเข้าตรงเข้าไปคุยกับ เอลลิส เรดดิ่ง ในฐานะคนที่รู้กันว่าเป็นคนหาของต่างๆ ให้ได้ แอนดี้ต้องการให้เรดหาค้อนแกะสลักหินอันเล็กๆให้ ช่วงสองปีแรกแอนดี้ต้องทนกับพวกรักร่วมเพศที่เรียกว่า “Sister” จนกระทั่งแอนดี้ได้ไปทำงานซ่อมหลังคากับพวกเรด ขณะที่ทำงานอยู่นั้นผู้คุมได้พูดถึงเรื่องเงินมรดกที่ได้รับแต่ก็ไม่อยากเสียภาษีเยอะ แอนดี้จึงลองเสี่ยงชีวิตเดินเข้าไปเพื่อเสนอทางหลีกเลี่ยงภาษีเพื่อแลกกับเบียร์เย็นๆ ให้เพื่อนร่วมงานของเข้ากิน เพื่อให้รู้สึกว่าไม่ได้เป็นนักโทษขณะหนึ่ง วันหนึ่งแอนดี้ไปหาเรดให้ช่วยหาโปสเตอร์ให้ แต่หลังนั้นแอนดี้ถูกพวกซิสเตอร์จะให้ทำออรัลเซ็กส์ให้ แต่แอนดี้ขู่ว่าจะกัดให้ขาด พวกนั้นจึงทำร้ายแอนดี้แทน แต่หัวหน้าแก๊งซิสเตอร์ถูกผู้คุมที่แอนดี้เคยช่วยทำร้าย และต้องย้ายจากเรือนจำไปอยู่โรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่มีพวกซิสเตอร์คนไหนกล้ายุ่งกับแอนดี้อีกเลย ชื่อเสียงของแอนดี้เรื่องที่ช่วยผู้คุมหลีกเลี่ยงภาษาทำให้มีผู้คุมคนอื่นๆ มาขอคำปรึกษากับแอนดี้เรื่องการเงินรวมทั้งพัศดีนอร์ตันด้วย เขาได้ย้ายที่ทำงานจากห้องซักรีด เป็นที่ห้องสมุด เขาพยายามปรับปรุงห้องสมุดโดยการเขียนจดหมายไปให้รัฐบาลสัปดาห์ละฉบับเพื่อขอเงินสนับสนุนและหนังสือใหม่ จน 2 ปีแอนดี้จึงได้รับการตอบสนองจากรัฐเป็นเงิน 200 เหรียญดอลลาร์ และหนังสือเก่าอีกจำนวนหนึ่ง แอนดี้ดีใจมากเขาแอบเปิดแผ่นเสียงที่ได้มาเป็นแผ่นเสียงที่ร้องเป็นภาษาอิตตาเลี่ยน เมื่อเพลงเริ่มเล่นไปก็เหมือนสะกดให้นักโทษทั้งชอว์แชงค์ตกอยู่ในภวังค์เหมือนนกที่กำลังบินไปสู่อิสรภาพ แอนดี้ถูกขังมืดสองวัน หลังจากนั้นเขาเพิ่มจดหมายเป็นสัปดาห์ละสองฉบับ ซึ่งขณะเดียวกันแอนดี้ก็เป็นเสมือนเลขาของพัศดีนอร์ตัน เขามีหน้าที่ฟอกเงินที่นอร์ตันได้รับสินบนมาให้ขาวสะอาดที่สุด

เมื่อแอนดี้อยู่ที่ชอว์แชงค์ครบ 10 ปี เรดซื้อโปสเตอร์มาลิลีน มอลโรว์ ให้เขาใหม่ และในปี 1959 แอนดี้ประสบความสำเร็จเรื่องโครงการห้องสมุดของเขาอีกครั้ง เมื่อสภามีมติให้ให้เงินห้องสมุดชอว์แชงค์ปีละ 500 เหรีญดอลลาร์ซึ่งต่อมาทำให้ห้องสมุดแห่งนี้กลายเป็นห้องสมุดเรือนจำที่ดีที่สุดในแถบนั้น แอนดี้พยายามช่วยคนที่ไม่จบมัธยมปลายให้สอบเทียบได้ จนวันหนึ่งมีนักโทษเข้ามาใหม่ หนึ่งในนั้นมีเด็กหนุ่มชื่อทอมมี่ ทอมมี่ติดคุก 2 ปีข้อหาขโมยของ ทอมมี่อยากสอบเทียบมัธยมปลาย จึงมาหาแอนดี้ แอนดี้จึงทุ่มเทเวลาให้กับทอมมี่ เพื่อสอนหนังสือให้เขา วันหนึ่งทอมมี่ถามเรดว่าแอนดี้ติดคุกข้อหาอะไร เมื่อเรดเล่าออกไปว่าแอนดี้ติดคุกข้อหาฆ่าภรรยาและชู้ที่เป็นโปรกอล์ฟตาย ทำให้ทอมมี่นึกถึงเพื่อนที่เขาเคยติดคุกด้วย ซึ่งปรากฏว่าเพื่อนคนนั้นคือคนที่ฆ่าภรรยาของแอนดี้และชู้ตายเพื่อปล้นเอาทรัพย์ หลังจากที่รู้เรื่องเขาพยายามพูดกับพัศดีเพื่อขอโอกาสให้เขารื้อคดีอีกครั้ง แต่เนื่องจากความลับการรับสินบนทั้งหมดนั้นแอนดี้เป็นคนกำไว้
นอร์ตันยังไม่ยอมปล่อยเขาไป แล้วสั่งให้ขังในคุกมืดนานหนึ่งเดือน ซ้ำร้ายยังเรียกทอมมี่มาเพื่อฆ่าปิดปากเสีย แล้วสั่งให้แอนดี้ทำงานให้ต่อ เมื่อแอนดี้ออกจากคุกมืด

ในที่สุดก็มาถึงวันที่แอนดี้ตัดสินใจว่าเขาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ก่อนคืนนั้นเขาบอกเรดว่าให้มีความหวังไว้ และวันหนึ่งถ้าเรดได้ออกไป ให้เขาไปเอาของบางอย่างที่ทุ่งหญ้าที่บาร์คตัน ตรงที่มีต้นโอ๊คใหญ่ และกำแพงหิน ให้เรดหาหินแก้วภูเขาไฟสีดำ แล้วขุดเอาสิ่งที่อยู่ใต้นั้นออกไป คืนนั้นหลังจากที่ปิดไฟ แอนดี้หนีออกจากคุกชอว์แชงค์ทางอุโมงค์ข้างกำแพงที่เขาใช้ค้อนแกะสลักหินขุด และออกทางท่ออุจจาระ หลังจากนั้นเขาออกไปในนามว่านายสตีเวน ผู้ไม่มีตัวตนจริงแต่มีเอกสารและบัญชีธนาคาร เขาไปเบิกเงินที่พัศดีได้จากการติดสินบนแล้วให้แอนดี้ฟอกมัน หลังจากนั้นเขาส่งพัสดุหลักฐานการติดสินบนให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เช้าวันต่อมาข่าวลงหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ พัศดีฆ่าตัวตาย
ต่อจากนั้นไม่นานเรดพ้นโทษเขาออกตามหาที่ๆ แอนดี้บอกไว้ สิ่งที่แอนดี้ทิ้งไว้ให้เขาคือจดหมายและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้เรดเดินทางไปหาเขาที่ชายฝั่งทะเลทางใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ๆ ชาวแมคซิกันว่ากันว่าเป็นที่ๆ ไม่มีความทรงจำ เรดเดินทางไปหาแอนดี้ที่นั่น พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง


วิจารณ์


เรื่องชอว์แชงค์เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าถึง 7 รางวัล และได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งๆที่เป็นหนังที่เหมือนกับดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องชอว์แชงค์ถูกแบ่งออกเป็นหลายฉาก แต่ละฉากมีปมเกี่ยวเนื่องกันชวนให้ติดตาม เริ่มจากฉากเปิดเรื่อง เรื่องเปิดด้วยเพลง If I didn’t care และภาพบ้านหลังหนึ่ง พระเอกนั่งอยู่บนรถดูสับสน ระคนหมดหวังพิงกระจกรถอยู่ สายตาจับไปที่บ้านหลังนั้น เพลงเริ่มเบาลง แอนดี้หยิบปืนออกมาบรรจุกระสุนแต่เขาก็ดูสับสน และกำลังชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดี ภาพตัดกลับมาที่ศาลคณะที่แอนดี้กำลังถูกทนายซักถามเรื่องการฆ่าภรรยาแลชู้อยู่ การเปิดเรื่องของเรื่องนี้เป็นการสลับภาพระหว่าภาพปัจจุบัน คือตอนที่พระเอกกำลังขึ้นศาลกับภาพลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันเกิดเหตุ จนแอนดี้ถูกตัดสินให้จำคุก ฉากเปิดน่าสนใจตรงที่การสลับไปมาระหว่างสิ่งที่พระเอกให้ปากคำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทุกอย่างตรงกันหมดเว้นแต่พระเอกเลือกที่จะทิ้งปื้น ไม่ใช่เหนี่ยวไกร หลังจากพระเอกถูกตัดสิน

ฉากต่อมาเป็นตอนที่เรดถูกเรียกไปเพื่อขอพ้นโทษก่อนกำหนด หลังจากการเปิดตัวเรด หนังก็เปลี่ยนวิธีการดำเนินเรื่อง คือเล่าเรื่องผ่านตัวเรด ทำให้เรารู้ว่าต่อไปตัวละครตัวนี้ต้องมีความสำพันธ์กับพระเอกแน่นอน เพราะครั้งแรกที่เรดเห็นแอนดี้ เขาพนันว่าแอนดี้ต้องเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวจนโอดครวญแน่นอน แต่เขาต้องแพ้พนันเพราะแอนดี้ไม่ร้องสักแอะ จุดนี้น่าสนใจเพราะเป็นการเน้นนิสัยของพระเอกให้รู้ว่าพระเอกเป็นคนใจเย็น มีสติ
แอนดี้อยู่ในคุกถึงสองเดือนถึงเริ่มปริปากคุย คนแรกที่เขาคุยด้วยคือเรด เพราะเรดสามารถหาของจากข้างนอกเข้ามาได้ ฉากนี้มีอยู่ตอนหนึ่งที่มีปมทิ้งไว้ให้ ตรงที่เรดสงสัยว่าแอนดี้จะเอาค้อนแกะสลักหินไปทำไม และถ้าจะเอาไปขุดอุโมงค์เพื่อหนีคงใช้เวลาซัก 600 ปี นั่นทำให้แอนดี้หัวเราะ แต่ในตอนท้ายเรื่องแอนดี้ก็ใช้เจ้าค้อนเล็กๆ อันนี้ขุดอุโมงค์หนีไปจริงๆ โดยใช้เวลาเพียง 20 ปีไม่ใช่ 600 ปีอย่างที่เรดคิดไว้
เขาหาเพื่อนด้วยการบอกวิธีหลีกเลี่ยงภาษีแก่ผู้คุมจากฉากที่ไปซ่อมหลังคา จะเห็นได้ว่าตัวละครมีการพัฒนาและใช้เวลาในการปรับตัว เพราะอย่างไรก็ตาม ตามธรรมชาติของมนุษย์ ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ แอนดี้ก็เช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเขากลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มเรด ฉากที่แอนดี้และเพื่อนๆ นั่งดื่มเบียร์เย็นๆ มีจุดที่น่าสนใจตรงที่ว่าเรื่องนี้มีแก่นเรื่องสำคัญอยู่ที่เป็นมนุษย์ต้องอยู่อย่างมีความหวัง อย่างแอนดี้เค้าหวังอยู่เสมอว่าวันหนึ่งเขาจะได้อิสรภาพกลับคืนมา และฉากนี้ก็ช่วยปูทางให้ฉากต่อๆ ไป เพราะเขายอมแลกชีวิตกับอิสระชั่วขณะ และมิตรภาพ นอกจากนั้นฉากนี้ยังเป็นฉากที่แอนดี้ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีความรู้ ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักและยังช่วยให้เขาหลุดพ้นจากพวกซิสเตอร์อีกด้วย

เรื่องราวพัฒนาไปโดยแอนดี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งเสมือนเป็นเลขาของพัศดี และได้ทำงานในห้องสมุด ทำให้เขามีโอกาสได้ปรับปรุงห้องสมุดนี้ ฉากนี้เป็นอีกจุดที่แสดงนิสัยของพระเอก คือพระเองเป็นคนที่มีความเพียรพยายาม จากที่แอนดี้ส่งจดหมายสัปดาห์ละฉบับเพื่อให้รัฐหันมาสนใจคำเรียกร้องของเขา จุดที่น่าสนใจอีกแห่งของเรื่องนี้คือตอนที่แอนดี้ได้หนังสือ เงินและแผ่นเสียง แอนดี้แหกกฎเกณฑ์ด้วยการเปิดเพลง ที่ทำให้ทุกคนในชอว์แชงค์ตกอยู่ในภวังค์ ฉากนี้น่าสนใจตรงคำพูดที่เรดบรรยายว่า “เสียงเหมือนนกสวยๆ ที่กำลังบินไปสู่อิสรภาพ เพียงชั่วขณะนั้นทำให้ทุกคนในชอว์แชงค์เหมือนได้รับอิสรภาพชั่วขณะ” ฉากนี้เป็นฉากที่ช่วยดึงกลับมาให้นึกถึงฉากที่แอนดี้และพวกเรดดื่มเบียร์หลังจากซ่อมเพดาน ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้เราเห็นว่าแอนดี้ไม่เพียงพยายามรักษาตัวตนของตัวเองไว้ แต่เขายังพยายามดึงให้คนอื่นๆ เกิดความหวัง ความหวังว่าอิสรภาพนั้นสวยงาม และรอพวกเขาอยู่
ฉากอีกฉากที่ดิฉันชอบเป็นพิเศษคือตอนที่บรู๊คส์ นักโทษที่ทำงานที่ห้องสมุดมาก่อนแอนดี้ได้พ้นโทษก่อนกำหนด (คือตลอดชีวิต) แทนที่จะดีใจบรู๊คส์กลับเสียใจ เพราะเมื่อเข้าอยู่ในนี้เขามีตัวตนจริงๆ เขาเป็นบุคคลสำคัญที่ใครๆก็รู้จัก ไม่ใช่เพียงชายแก่ที่เจ็บเอ็นที่นิ้วอยู่ตลอดเวลา ตรงจุดนี้ดิฉันคิดว่าน่าสนใจมากเพราะมันแสดงให้เห็นว่าฝรั่งมีความคิดเรื่องการมีตัวตนมาก บรู๊คส์แสดงให้เห็นว่าโลกภายนอกมันน่ากลัวเพราะเขาดูไม่มีตัวตน นั่นทำให้สุดท้ายเขาเลือกจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย โดยสลัดไว้ตรงคานที่ห้องพักว่า “Brooks was here” ซึ่งเป็นการแสดงและย้ำให้เห็นว่าเขาเคยมีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้
เรื่องราวดำเนินมาเรื่อยๆ จนวันที่ทอมมี่เข้ามาและมาบอกความจริงให้รู้ว่าแอนดี้ไม่ใช่ฆาตกร เขาไม่เคยฆ่าใคร นี่เป็นจุดสงสัยว่าแอนดี้จะได้ออกไปสู่อิสรภาพอีกครั้งหรือไม่ แต่เมื่อเรื่องราวกลับพลิกผลันเมื่อพัศดีไม่ยอมให้แอนดี้ได้ขึ้นศาล ซ้ำยังฆ่าทอมมี่ปิดปาก ฉากนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งใหญ่ของเรื่อง คือความขัดแย้งในรูปแบบของมนุษย์กับมนุษย์ กล่าวคือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างแอนดี้ กับพัศดี เมื่อแอนดี้ออกมาจากคุกมือเขาได้คุยกับเรดถึงความหวัง สิ่งที่เขาจะทำ ที่ๆเขาจะไปหลังจากได้รับอิสรภาพ แต่เรดท้วงเขาว่าความหวังเป็นเรื่องอันตราย อาจทำให้คนบางคนถึงกับบ้าไปได้ แต่แอนดี้เถียงว่าชีวิตคนเราถ้าไม่พยายามอยู่ ก็ตายไปซะ ตอนนี้ทำให้เกิดจุดสงสัยว่าแอนดี้จะเลือกอะไร เพราะคืนนั้นแอนดี้ไปขอเชือกยาวหกฟุตที่เพื่อนอีกคนด้วย

จากฉากนี้ทำให้เรื่องพัฒนาไปสู้จุดคลายแม็กซ์คือแอนดี้ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะหนี และเขาก็หนีสำเร็จโดยการวางแผนและเพียรพยายามมา 20 ปี เรื่องราวค่อยๆ คลายปมสงสัยออกว่าแอนดี้ทำได้อย่างไรโดยเรดเป็นผู้เล่า ทำให้เรารู้ว่าที่หนังปูเรื่องให้เห็นนิสัยของพระเอกเพื่อที่จะได้เข้าใจว่าพระเอกหนีออกมาได้อย่างไร และฉากที่พัศดีฆ่าตัวตายก็มีจุดที่น่าสนใจตรงที่ข้อความปักครอสติสที่ภรรยาของพัศดีปักว่า “คำพิพากษามาเร็วกว่าที่คิด” ซึ่งหลังครอสติสนี้เป็นที่เก็บตู้เซฟและความลับทั้งหมด ฉากนี้พัศดีหันไปมองข้อความดังกล่าวแล้วหยิบปืนมาฆ่าตัวตาย ฉากนี้น่าสนใจตรงที่พัศดีเป็นคนจำพวกที่เรียกว่ามือถือสาก ปากถือศีล คือปากบอกว่าเชื่อในพระเจ้าแต่ก็ประพฤติผิดศีลต่างๆ ตอนนี้ทำให้เห็นว่าสุดท้ายก็ไม่มีใครหนีเงื่อมมือของพระเจ้าได้

ข้อความหนึ่งที่น่าสนเรดบอกไว้ว่าที่แอนดี้ออกมาได้นั้นเหมือนกับหินแก้วภูเขาไฟที่ต้องใช้แรงดัน และเวลา ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบชีวิตของแอนดี้ในคุกชอว์แชงค์ ว่ามันมีทั้งแรงกดดัน และเวลา
เรื่องปิดโดยให้เรดออกมาจากคุกได้ และออกตามหาสิ่งที่แอนดีซ่อนไว้เป็นจดหมายและเงิน ข้อความในจดหมายช่วงหนึ่งน่าสนใจมา ความว่า “ความหวังเป็นสิ่งที่ดี และสิ่งที่ดีไม่เคยตาย”
และสุดท้ายเรดก็ตัดสินใจไปตามหาแอนดี้และพบกัน ซึ่งจบแบบนี้ทำให้ย้ำว่าความหวังไม่เคยตายจริงๆ

เรื่องชอว์แชงค์ เป็นหนังที่มีคุณค่าหลายๆ ด้าน และแต่ละฉากเต็มได้ด้วยรายละเอียดและความสมบูรณ์ในตัวเอง อาจดูเนิบนาบน่าเบื่อบ้างแต่ถ้าหากตั้งใจดูดีๆแล้วจะพบว่าหนังเรื่องนี้ช่วยกระตุ้นให้เราเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ รู้คุณค่าของเวลาและสุดท้ายทำให้เราเห็นว่าความหวังเป็นสิ่งที่ดีเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น: