วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Bangkok Love Story (เพื่อน...กูรักมึงว่ะ)


นางสาว พิชญ์สินี พร้อมวิหาร
๐๕๔๙๐๒๐๐ (ครั้งที่๑)


ภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักระหว่างชายหนุ่มสองคนที่ชีวิตของทั้งคู่เป็นเหมือนเส้นขนาน
ที่ไม่มีวันโคจรมาเจอกันได้ แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตากลับนำพามาให้ทั้งคู่มาพบกัน

เมฆ ชายหนุ่มพูดน้อย ที่ไม่เคยรักใครนอกเหนือจากแม่และหมอก น้องชายคนเดียวของเขา เมฆอยู่คนเดียวโดยเปลี่ยนชื่อและที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการทำงาน

เขามีอาชีพเป็นมือปืน ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีความแน่นอนและไม่สมควรที่จะมีความรัก เมฆได้รับ
มอบหมายภารกิจการฆ่า โดยมีเป้าหมายคือ อิฐ ชายหนุ่มหน้าตาดี มีฐานะ แต่อิฐกลับรู้สึกว่าเขา
ขาดอะไรบางอย่างในชีวิตรัก แม้ว่าเขาจะมีทราย ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยอยู่เคียงข้าง เมฆเฝ้าติดตามอิฐทุกฝีก้าวเพื่อทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ แต่เมื่อถึงเวลาเขากลับไม่ได้ฆ่าอิฐ การกระทำครั้งนี้
ทำให้เมฆและอิฐถูกตามล่าจากหัวหน้าของเมฆ เมฆได้รับบาดเจ็บจากการปกป้องอิฐ ทั้งคู่พากันมาหลบที่ห้องของเมฆ อิฐคอยเฝ้าดูแลรักษาเมฆซึ่งบาดเจ็บจนอาการดีขึ้น

เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน ความรู้สึกลึกๆภายในใจของทั้งคู่จึงจึงปรากฎออกมา กลายเป็นความโหยหาในความรักที่ทั้งคู่ขาดหาย แต่เมฆไม่อาจทำใจยอมรับความสัมพันธ์ซึ่งเขาเองก็ยัง
สับสนว่าเป็นความรักจากใจ หรือเป็นแค่เพียงความใคร่ชั่วข้ามคืน เมฆพยายามหนีความต้องการ
ภายในจิตใจของตัวเอง แต่อิฐกลับไม่ลดละความพยายามในการตามหาเมฆที่เปรียบเสมือน
อีกครึ่งหนึ่งของชีวิต เมฆพยายามที่จะตัดใจและบังคับตัวเองให้กลับมาสะสางภารกิจสุดท้าย
ให้เสร็จสิ้น เพื่อที่จะพาแม่และน้องชายซึ่งทั้งคู่ติดเอดส์จากพ่อเลี้ยงไปรักษาตัวและอยู่ด้วยกัน
เป็นครอบครัวอีกครั้ง


แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เมฆหวัง ส่วนอิฐนั้นก็ได้แต่เฝ้ารอวันที่เขาจะได้พบกับเมฆเพื่อบอกความในใจกับเมฆ ภายในใจของทั้งอิฐและเมฆนั้นเอ่อล้นด้วยแรงปรารถนาและความคิดถึงกัน แล้ววันที่ทั้งคู่ได้พบกันพร้อมกับความปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างกันอย่างมีความสุข
ก็มาถึง แต่ว่าโชคชะตากลับไม่เข้าข้างความรักของเขาทั้งสองคน ความรักของทั้งคู่นั้นเป็นได้แค่
เพียงเส้นขนานที่ไม่อาจกลับมาพบและรักกันได้อีกตลอดไป

ภาพยนตร์เปิดฉากที่เมฆ(ตัวละครเอก) คุยกับผู้ชม โดยใช้คำแทนตัวเองว่าผม และใช้คำแทนผู้ชมว่าคุณ เขาเดินผ่านฉากที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนตามสถานที่ต่างๆ พร้อมถามผู้ชมขึ้นมาลอยๆว่า “คุณเคยรู้สึกไหม เวลาที่คนอื่นเขามีความสุขกัน แต่คุณกลับเป็นคนเดียวที่เดินเหงาอยู่ตามลำพัง
บนถนน บนรถ หรือว่าบนเรือ หรือที่ไหนๆก็ตาม มันคงไม่แปลกอะไรที่จะคิดว่าโลกนี้มันช่างเงียบเหงาและหดหู่เหลือเกิน”

จากนั้นเรื่องได้ดำเนินต่อไปโดยที่เมฆเริ่มเล่าถึงอาชีพของตนเอง อาชีพที่เขาบอกว่าเป็นอาชีพที่คนอื่นไม่ค่อยอยากจะทำ เขาเองก็ไม่ต้องการทำอาชีพนี้ แต่เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
เขาจึงจำเป็นต้องทำ เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูแม่กับน้องชายผู้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา


เมฆได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าให้ไปฆ่าผู้ชายที่ชื่อ อิฐ แต่เหตุการณ์กลับทำให้เมฆและอิฐกลายมาเป็นเพื่อนกัน การที่อิฐช่วยดูแลปฐมพยาบาลเมฆซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการไม่ฆ่าอิฐ ทำให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด ก่อให้เกิดความผูกพันและกลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆในใจ แล้วความสัมพันธ์ทางกายของทั้งคู่ก็เกิดขึ้นภายใต้ความต้องการลึกๆภายในจิตใจ


จุดที่ทำให้เกิดความสงสัย คือ ฉากที่อิฐไปหาน้องชายของเมฆที่บ้าน ทำให้แม่และน้องชายของอิฐเกิดความสงสัยว่า อิฐเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักบ้านของเมฆได้ เพราะเมฆไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน
นอกจากนั้นยังมีจุดสงสัยที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง คือ ฉากที่ทราย คู่หมั้นของอิฐสงสัยว่า ตั้งแต่อิฐกลับมาบ้านอิฐก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม


ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งภายในจิตใจของเมฆ ที่พยายามปกปิดความรู้สึกของตนเอง โดยการต่อต้านและพยายามที่จะปฏิเสธว่าเขาเองก็รู้สึกรักอิฐเช่นเดียวกันกับที่อิฐรักเขา

เมฆ เป็นตัวละครที่สะท้อนให้เห็นภาพของผู้ที่มีปมปัญหาภายในจิตใจ เขาฟังใจกับอดีต
ที่เห็นภาพความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในครอบครัว เขาเห็นภาพพ่อเลี้ยงที่ทุบตีแม่ และพยายามที่จะข่มขืนเขา แต่เขาก็สามารถหลุดพ้นน้ำมือของพ่อเลี้ยงมาได้ วันหนึ่งเมื่อเขากลับมาบ้านและเห็น
ภาพพ่อเลี้ยงกำลังข่มขืนน้องชายของเขา เขาเข้าไปช่วยน้องชาย ด้วยความโกรธจึงลงมือทำร้ายพ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต เหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนั้นทำให้เมฆรู้สึกรังเกียจความสัมพันธ์ระหว่าง
ผู้ชายกับผู้ชาย เขาจึงกลายเป็นคนที่เย็นชาและขาดความรัก


จุดวิกฤตที่เกิดขึ้น คือ ฉากที่เมฆและอิฐได้มาพบกันอีกครั้งที่บ้านของเมฆ ทั้งคู่กอดจูบกัน
ด้วยความคิดถึงที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ในขณะเดียวกันนั้น แม่ หมอกและทรายก็ได้เห็นภาพความ
สัมพันธ์ของคนทั้งสองที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ทำให้ทั้งสามคนยอมรับในภาพที่เห็นไม่ได้


จุดสูงสุดของเรื่อง(ไคล์แม็กซ์) คือ ฉากที่เมฆเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ที่เกินเลยมากกว่าเพื่อนกับอิฐ เพราะเขาตั้งใจจะพาแม่และน้องชายที่ทั้งคู่ได้รับเชื้อไวรัสโรคเอดส์จากพ่อเลี้ยงไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่เมฆกลับโกรธมากเมื่อพบว่าน้องชายของตนเองไปขายบริการทางเพศเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูแม่และตนเอง เมื่อแม่ได้ยินลูกทะเลาะกันจึงเกิดความรู้สึกผิด
คิดว่าเป็นเพราะตนเองไปมีสามีใหม่ จึงทำให้ครอบครัวต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ แม่จึงพยายาม
ที่จะผูกคอตาย เมฆมาช่วยแม่ไว้ได้และกำลังจะพาแม่ไปโรงพยาบาล ขณะที่เมฆกำลังจะพาแม่ไปโรงพยาบาลนั้น ลูกน้องของหัวหน้าเก่าของเมฆพยายามจะยิงเมฆ แต่กระสุนกลับไปถูกแม่ ทำให้แม่เสียชีวิต เมฆโกรธมาก เขาจึงไล่ฆ่าทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้แม่ของเขาต้องตาย


ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้การปิดเรื่องแบบโศกนาฏกรรมความรัก เมฆถูกฆ่าตายหลังจากเดินออกมาจากเรือนจำได้แค่เพียงไม่กี่นาที


โครงเรื่องเน้นฉากและบรรยากาศ โดยฉากส่วนใหญ่จะเน้นโทนสีที่มืด ทึม ใช้สีเทาและดำ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมืดของสังคม การใช้ฉากในลักษณะนี้ทำให้บรรยากาศในภาพยนตร์ดูเศร้าและหม่นหมอง นอกจากนี้เสียงดนตรีที่ใช้ประกอบฉากก็ยังช่วยเร้าอารมณ์ให้ผู้ชมเกิดอารมณ์
และความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครด้วย


ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแก่นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักในอีกแง่มุมหนึ่งของสังคม นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกข้อคิดดีๆผ่านบทสนทนาของตัวละคร เช่น ตอนที่อิฐพูดกับเมฆว่า “เสื้อผ้าที่ดีบางทีมันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคนๆนั้นเป็นคนดี แต่ความคิดที่ดีต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอก” หรือตอนที่เมฆพูดกับอิฐว่า “เงินนั้นไม่สำคัญหรอก แต่มันจำเป็น”


ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการใช้สัญลักษณ์ คือปลากัด แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอและแข็งแกร่งของคนในสังคมที่ต้องดิ้นรนต่อสู้และแข่งขันกัน ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็คือผู้ชนะ โดยให้มุมมองสะท้อนผ่านตัวละครสำคัญ คือ หมอก

เรื่องราวความรักระหว่างเมฆกับอิฐนั้น อาจเป็นความรักที่ผิดแผลกแตกต่างจากความรักของคนทั่วไป แต่บางครั้งการที่เราจะรักใครสักคนนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงเหตุผล
ดังเช่นความรักของเมฆและอิฐที่จะตราตรึงอยู่ในใจของเขาทั้งคู่ตลอดไป

1 ความคิดเห็น:

new กล่าวว่า...

สวย น่ารักมากมายครับพี่นิ