วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Daratt : Dry season


ชนิกรรดา คงน้อย

05490086


Daratt หรือ Dry Season เข้าฉายในปี 2006 เป็นภาพยนตร์จากสาธารณรัฐชาด (Chad) ความยาวประมาณ96นาที เป็นผลงานล่าสุดของมะหะหมัด ซาเลห์ ฮารูน ผู้กำกับชาวชาดที่อพยพเข้ามาอยู่ในฝรั่งเศส Darattยังได้รับรางวัลพิเศษสิงโตทองคำจากเทศกาลหนังเวนิสครั้งที่13ด้วย "ชาด" เป็นประเทศในภูมิภาคแอฟริกากลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ไม่มีทางออกทะเลและติดอันดับต้นๆ ประเทศยากจนที่สุดในโลก


ระหว่างสงครามกลางเมืองในประเทศชาด ประชาชนถูกสังหารเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพ่อของอาติม เด็กหนุ่มวัย 16ปี พ่อของเขาถูก นาสซารา ฆ่า ตั้งแต่เขายังไม่เกิด มีเพียงปู่ตาบอดของเขาเท่านั้นที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด และหวังให้เขาแก้แค้นแทน หลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลประกาศนิรโทษกรรมให้กับอาชญากรทุกคน ทำให้นาสซารา พ้นจากความผิด แต่ความอาฆาตของอาติม ก็ยังคงอยู่ เขาจึงรีบออกเดินทางเพื่อมาตามหานาสซารา เขาได้รับความช่วยเหลือจากชายคนหนึ่ง เขาและเพื่อนใหม่หาเลี้ยงชีพด้วยการขโมยหลอดไฟตามบ้านเพื่อนำไปขาย แต่อาติมก็ไม่เคยรับเงินจากส่วนนี้เลย อาติมตามหา นาสซาราจนพบและรู้ว่านาสซาราคือชายผู้สูงอายุผู้มีอาชีพทำขนมปังขาย และใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาสาวที่กำลังตั้งครรภ์ จนวันหนึ่งอาติมทำทีเป็นขอทำงานกับนาสซาราเพื่อหาโอกาสแก้แค้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขายิ่งเห็นความเป็นคนที่ไม่มีพิษสงในตัวนาสซารามากขึ้น ขณะที่นาสซาราก็รู้สึกผูกพันกับอาติมมากขึ้นด้วยจนถึงขนาดขอให้อาติมมาเป็นลูก แม้ว่าอาติมมีโอกาสที่จะฆ่านาสซาราหลายครั้งแต่เขาไม่ทำ จนในที่สุดเขาตัดสินใจลาออก ทำให้นาสซาราขอตามไปหาครอบครัวของเขาเพื่อขอให้เขากลับมาทำงาน และในที่สุดนาสซาราก็เข้าใจทุกอย่างเมื่อเห็นปู่ของอาติม ปู่บังคับให้นาสซาราถอดเสื้อออกก่อนที่อาติมจะลงมือฆ่า แต่อาติมไม่สามารถฆ่านาสซาราลงได้ เขาจึงแกล้งทำเป็นยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วผลักนาสซาราให้ล้มลงแกล้งตาย แต่ปู่ของเขาไม่แน่ใจ เขาจึงยิงปืนซ้ำแล้วพาปู่เดินจากไป โดยทิ้งนาสซาราไว้ตรงนั้น


ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเรื่องที่ปู่ร้องเรียกให้อาติมมาเปิดวิทยุฟังการแถลงข่าวประกาศนิรโทษกรรมให้แก่อาชญากรเมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง แสดงบรรยากาศและสภาพบ้านเมืองภายในเรื่องที่แห้งแล้ง ไม่มีชีวิตชีวา มองทางไหนก็เห็นเพียงแต่สีน้ำตาลของทะเลทรายตลอดทั้งเรื่อง

เรื่องดำเนินไปโดยให้อาติมออกเดินทางเพื่อทำสิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อการกระทำของอีกฝ่ายซึ่งก็คือนาสซาราทำให้อาติมรู้สึกลังเลใจ และเกิดความรู้สึกดีๆขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะตลอดทั้งเรื่องนาสซาราแสดงออกว่ารู้สึกดีและหวังดีกับอาติม เช่น ตอนที่นาสซาราให้เศษขนมปังแก่อาติมเหมือนเด็กคนอื่นๆ แม้อาติมจะทำลายน้ำใจเขาด้วยการกัดแล้วถ่มทิ้ง หรือตอนที่เขาสอนอาติมด้วยความจริงใจว่าการทำขนมปังต้องการความรักและการใส่ใจ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ทำให้อาติมเริ่มไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง ประเด็นที่ต้องการสื่อ คือตัวละครหลักเพียง 2 คน คืออาติมและนาสซาราที่แสดงออกอย่างคลุมเครือ บางครั้งเหตุการณ์ตึงเครียด บางครั้งก็ผ่อนคลาย ทำให้หนังมีแรงผลักอยู่ตลอดเวลาและความผูกพันที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสองทำให้ไม่สามารถคาดเดาบทสรุปของเรื่องได้ในทันที

ความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละครเป็นจุดสำคัญของเรื่อง นั่นคือ ความสับสนของอาติมที่ลังเลว่าจะลงมือฆ่านาสซาราหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสฆ่านาสซารา เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยกล้าที่จะลงมือเท่านั้น อาจจะด้วยความไม่มั่นใจในตัวเองว่าเขาเกลียดนาสซาราจริงหรือไม่ เพราะตลอดเวลาที่เขาอยู่กับนาสซารา อาติมเองก็ดูแลปรนนิบัตินาสซาราอย่างดี เขาเห็นความจริงใจและความอ่อนโยนในตัวนาสซารา และเขาพบว่าหลายๆคนก็มีการสูญเสียเหมือนกัน บางครั้งเขาสังเกตเห็นความเสียใจบางอย่างที่นาสซาราไม่ต้องการเอ่ยถึง เห็นได้จากตอนที่นาสซาราปาโทรศัพท์ของอาติมทิ้ง แล้วเขาก็ขอโทษอาติมและบอกว่าหลายครั้งที่เขาทำอะไรลงไปโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นอาจเชื่อมโยงให้เห็นว่านาสซาราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงฆ่าพ่อของอาติม

มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในฉากที่ทั้งอาติมและนาสซาราอยู่ในโรงทำขนมปังที่ค่อนข้างอับ สกปรกและอบอ้าว ไม่ว่าจะเป็นการที่นาสซาราสอนให้อาติมทำขนมปังด้วยความรักและความใส่ใจ แม้นาสซาราจะสอนวิธีทำขนมปังให้อาติมดูเพียงแค่ช่วงแรก แต่เมื่อวันหนึ่งนาสซาราปวดหลังจนไม่สามารถทำงานได้ อาติมจึงต้องทำขนมปังด้วยตัวเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ทำให้เขารู้สึกภูมิใจมาก นั่นเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่นาสซาราได้เปิดโลกกว้างและปล่อยให้อาติมเรียนรู้ด้วยตนเอง เมื่อเปรียบเทียบกับปู่ของอาติมที่ยัดเยียดแต่ความชิงชังใส่หัวของเขา

จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ทำให้เกิดความคิดที่ว่า เหตุใดปู่ซึ่งเป็นคนรุ่นก่อนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ไม่มีการให้อภัย และยังคงมีความอาฆาตแค้นฝังแน่นอยู่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด แต่อาติม เมื่อได้เห็นการกระทำที่จริงใจของนาสซารากลับให้อภัยได้ หรือนั่นอาจแสดงให้เห็นว่า คนต่างรุ่นมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน คนรุ่นก่อนยังหลงอยู่ในความแค้น ความชิงชัง ใครฆ่ามาต้องฆ่าตอบ มีเพียงปู่และนาสซาราเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่มีใครทราบได้ว่าพ่อของอาติมเคยทำอะไรนาสซาราก่อนหรือไม่ แต่เรื่องทั้งหมดถูกกำหนดโดยปู่ที่ยัดเยียดความแค้นให้อาติม นอกเหนือจากการปลิดชีวิตซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดของปู่แล้ว การบังคับให้นาสซาราถอดเสื้อก่อนถูกฆ่านั้น ก็เป็นการทำให้อับอายอย่างมาก เพราะคนอาหรับถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรง หยามเกียรติเท่าๆกับการถูกฆ่า คงเป็นเพราะปู่ไม่เพียงต้องการฆ่านาสซาราเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าด้วย

Daratt หรือ Dry season น่าจะหมายถึงความแห้งแล้งของภูมิประเทศ ที่เต็มไปด้วยทะเลทราย ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ผู้คนหิวโหย และความสูญเสียสิ่งที่รักไปของตัวละคร ทั้งปู่และอาติมที่สูญเสียลูกชายและพ่อ นาสซาราและภรรยาที่สูญเสียลูกชาย หรือแม้แต่ทหารในเรื่องที่เสียขาข้างหนึ่งไปจากสงคราม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นฤดูกาลแห่งความแห้งแล้งสูญเสียที่ยาวนานและฝังลึกภายในจิตใจของตัวละครแต่ละตัว


ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย ไม่ได้มุ่งสอนศีลธรรมมากจนเกินไป และไม่ต้องอาศัยการตีความที่สลับซับซ้อนมากนัก มีจุดที่น่าสังเกตหลายจุด เช่น อาติมยังใส่เสื้อผ้า รองเท้าแบรนด์เนม ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ร่ำรวย และยังอยู่ในประเทศที่ได้ชื่อว่าจนติดอันดับโลก ดิฉันคิดว่าเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นว่าอาติมเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่จมอยู่ในความแค้นเหมือนเช่นปู่ และการที่สร้างตัวละครให้ปู่เป็นคนตาบอด ก็น่าจะเป็นเพราะต้องการให้เห็นว่าปู่หมกมุ่นอยู่ในความอาฆาต ชิงชัง ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก ดังนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงให้ตัวละครที่เป็นเด็กหนุ่ม คือผู้รับมรดกความแค้นจากปู่ซึ่งเป็นคนรุ่นเก่า และการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่นี่เองที่ควรจะเป็นทางออกที่ดีให้แก่สังคม หรือในส่วนของ ชื่อเรื่องคือ Dry season คือสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา มีแต่สีโทนทะเลทราย แต่ประชาชนกลับใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างฉากและตัวละคร

สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คือความคิดของตัวละครเอก อาติมที่ไม่เพียงแต่ให้อภัยนาสซารา แต่ยังเลือกที่จะหาทางออกให้กับทุกฝ่ายอย่างเหมาะสม นั่นคือ เขาไม่ได้ฆ่านาสซารา ปู่หมดสิ้นความแค้น และนาสซาราก็ได้รับการให้อภัยจากอาติมและปลดปล่อยความผิดในอดีต ซึ่งทำให้ดิฉันรู้ว่าการยึดติด และหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งที่ปิดกั้นมุมมองใหม่ๆของเรา ไม่สามารถทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ รวมทั้งการรู้จักให้อภัย ให้โอกาส เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการจะได้รับและควรจะพึงมีให้กันเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น: