วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Lemony Snicker’s a Series of Unfortunate Events


นพวรรณ ถาวรประวัติ
05490178

Lemony Snicker’s a Series of Unfortunate Events
เลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย

สามพี่น้องตระกูลโบดแลร์ ไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่ ไวโอเล็ต คือพี่สาวคนโต หนึ่งในนักประดิษฐ์วัย 14 ปีที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก เธอสร้างอุปกรณ์ได้แทบทุกชนิดจากสิ่งของทุกอย่างที่มี เคลาส์ ลูกคนกลางวัย 12 ปี เขารักการอ่านหนังสือและอ่านมามากมายหลายประเภท และเขาก็จำทุกอย่างที่อ่านได้ทั้งหมด และซันนี่ น้องสาวคนสุดท้องซึ่งอยู่ในวัยที่พูดอ้อแอ้ไม่เป็นภาษา มีเพียงไวโอเล็ต กับเคลาส์เท่านั้นที่เข้าใจคำพูดของเธอ และเธอชอบกัดข้าวของด้วยฟันคมๆทั้งสี่ซี่ เรื่องราวของหนังเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อพี่น้องตระกูลโบดแลร์ทั้งสามคน ได้รับการแจ้งข่าวอย่างกะทันหันว่าเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่คฤหาสน์โบดแลร์ และพ่อแม่ของเขาก็เสียชีวิตในกองไฟ

ด้วยเหตุนี้ เด็กๆ บ้านโบดแลร์จึงต้องถูกส่งตัวไปอาศัยอยู่กับผู้ปกครองหลายคน หนึ่งในนั้นคือ เคาต์ โอลาฟ ซึ่งเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดเป็นผู้ดูแล และเคาต์ โอลาฟนี่เอง ที่ติดตามพวกเด็กๆไปยังบ้านของผู้ปกครองคนใหม่ทุกๆหลัง เพื่อหวังที่จะได้รับสมบัติจำนวนมหาศาล เด็กๆ ทั้งสามคนแห่งบ้านโบดแลร์ ต้องใช้ความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญตลอดทั้งเรื่อง เพื่อฝ่าฟันต่อเหตุการณ์อันเลวร้ายต่างๆ ที่เป็นแผนการชั่วร้ายของเคาต์ โอลาฟ ผู้ยังคงมุ่งมั่นกับการตามล่าเด็กๆ อย่างไม่ยอมลดละ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เปิดเรื่องด้วยฉากที่เป็นภาพการ์ตูน สีสันสดใส ตัวการ์ตูนต่างๆ ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน รื่นเริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความสุข หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปที่ฉากตอนกลางคืน ท้องฟ้ามืด ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับภาพเปิดเรื่องอย่างเด่นชัด การเปิดเรื่องโดยใช้ความขัดแย้งนั้นถือเป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะเป็นการพาเข้าสู่เนื้อเรื่องที่ต้องการจะนำเสนอให้ผู้ชมเห็นอย่างชัดเจนว่า เรื่องราวที่จะชมต่อไปนั้น จะไม่มีความสุข เรื่องจะดำเนินไปด้วยความทุกข์เศร้า หม่นหมองที่เด็กๆ ตระกูลโบดแลร์จะต้องเผชิญไปตลอดทั้งเรื่อง

เลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย เปิดเรื่องด้วยความโศกเศร้าของเด็กๆตระกูลโบด์แลนด์ จะมีอะไรที่โชคร้ายกับพวกเด็กๆไปกว่าการที่พวกเขาต้องสูญเสียพ่อแม่ และคฤหาสถ์ทั้งหลังที่ไหม้ในกองเพลิง การเปิดเรื่องด้วยความโชคร้ายนั้น นำพาพวกเขาเข้าสู่ความโชคร้ายต่างๆตลอดทั้งเรื่อง เรื่องราวความทุกข์เศร้าที่ตัวละครหลักได้พบ ทำให้ตัวละครทั้งสาม คือ ไวโอเล็ต เคลาส์และซันนี่ ต้องใช้ความรู้ความสามารถและไหวพริบที่มีในการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้ตนเองผ่านพ้นอุปสรรคและอันตรายไปให้ได้

เลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย จึงเป็นภาพยนตร์ที่เน้นตัวละครหลักทั้งสามคือ ไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่ เนื่องจากตัวละครในเรื่องเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้ เพราะการดำเนินเรื่องนั้นต้องอาศัยความสามารถของตัวละครในการแก้ปัญหาต่างๆ ตลอดทั้งเรื่องนอกจากนี้ หตุการณ์และฉากในเรื่องก็มีบทบาทสำคัญที่ผลักดันให้ตัวละครมีบทบาทเด่นมากขึ้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ตัวละครต้องใช้ปฏิพานไหวพริบในการแก้ปัญหา อีกทั้งฉากที่ไม่มีความสดใส มีแต่ความมืดมนที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกความเศร้าหมอง ส่งผลให้ตัวละครดูน่าสงสารและน่าเห็นใจมากยิ่งขึ้น

เนื้อเรื่องดำเนินไปพร้อมกับปมปัญหาในใจของเด็กๆที่อยากทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ และการตายของ พ่อแม่ ปมปัญหาเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเด็กๆ ได้พบกับเคาต์ โอลาฟ ผู้ปกครองที่พวกเขาสงสัยว่าจะเป็นผู้วางเพลิง เคาต์ โอลาฟหวังจะทำร้ายและยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดจากเด็กๆไป โดยไม่ยอมลดละ ความขัดแย้งระหว่างเคาต์ โอลาฟและเด็กๆ จึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเคาต์ โอลาฟทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแย่งชิงทรัพย์สมบัติของเด็กๆ พยายามคิดแผนร้ายและตามล่าเด็กๆไปทุกๆแห่ง

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เพราะตลอดทั้งเรื่องเด็กๆต้องแก้ปัญหาเพื่อหนีเคาต์ โอลาฟ การพยายามดิ้นรนจากความยากลำบากและการถูกรังแกจากเคาต์ โอลาฟ ทำให้พวกเขามีความสามารถในการแก้ปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเด็กๆหลบหนีแผนการและความชั่วร้ายของ เคาต์ โอลาฟ มากเท่าไร ความขัดแย้งในเรื่องก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปมปัญหาในใจของเด็กๆที่อยากทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ก็ยังคงต้องการคำตอบที่แน่ชัด การพยายามหาคำตอบของเด็กๆนำเข้าสู่จุดวิกฤติในเรื่อง เมื่อเคลาส์มองไปเห็นเลนส์แว่นขยายขนาดมหึมาอยู่ในกรอบวงกลมซึ่งถูกยึดโยงกับผนังบนและล่างด้วยโครงเหล็กที่บ้านของเคาต์ โอลาฟ และด้วยความฉลาดและความสามารถของเคลาส์ ทำให้เขาทราบว่าเลนส์แว่นขยายทำให้เกิดความหักเหของแสง จนสามารถเกิดประกายไฟลุกไหม้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านของพวกเขาไหม้ ปมปัญหาในใจเด็กๆจึงค่อยๆคลี่คลายลง

เรื่องนี้ปิดเรื่องเมื่อปมปัญหาในใจของเด็กๆได้รับการคลี่คลาย พวกเขาไขปริศนาเหตุเพลิงไหม้คฤหาสถ์โบดแลร์ได้สำเร็จ ทรัพย์สมบัติไม่ต้องตกเป็นของเคาต์ โอลาฟ เด็กๆโบดแลร์ฉีกหน้ากากมือวางเพลิงผู้โหดเหี้ยมได้ การปิดเรื่องก็ยังคงน่าสนใจ เพราะไม่ได้จบอย่างมีความสุขเช่นเรื่องอื่นๆ เนื่องจากเคาต์ โอลาฟหายตัวไปหลังจากคณะลูกขุนเพื่อนของเขากลับคำตัดสินโทษ พวกเด็กๆยังคงต้องเผชิญกับความโชคร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้นต่อไป

เห็นได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีความน่าสนใจ ทั้งวิธีการดำเนินเรื่อง ตัวละคร ฉากและบรรยากาศ รวมไปถึงเหตุการณต่างๆที่ตัวละครจะต้องพบเจอ โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องที่แหวกขนบของภาพยนตร์ที่มักจบลงด้วยความสุข ความสมหวัง การที่ตัวละครต้องเผชิญกับความโชคร้ายที่ไม่จบสิ้นนั้น ทำให้เรื่องนี้สนุกสนาน ชวนตื่นเต้นและน่าติดตาม ถือเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

ไม่มีความคิดเห็น: