วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

The Devil Wears Prada


นายเอกพันธุ์ พูลสุข
รหัส 05490482


ภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada หรือ นางมารสวมปราด้า สร้างจากนิยายของ ลอเร็น ไวส์เบอร์เก้น (Lauren Weisberger)ที่ขายดีทั่วโลก โดยเป็นเรื่องที่ล้วงลึกถึงโลกแฟชั่นในนิวยอร์ค โดยมีมิแรนด้า พรีสท์ลี่ (เมอริล สตรีพ)เป็นตัวละครหลัก เธอคือบรรณาธิการของนิตยสาร Runway นิตยสารแฟชั่นชื่อดัง ไม่ว่าใครก็รู้ดีว่าเธอเป็นเจ้าแม่ผู้ทรงอิทธิพลในโลกแฟชั่นและ Runway ก็เป็นปราการด่านสำคัญของทุกคนที่คิดจะก้าวเข้าสู่โลกแฟชั่น แล้วการจะทำให้ Runway ยังคงเป็นนิตยสารแฟชั่นชั้นนำของนิวยอร์คและของโลกอยู่ได้นั้น มิแรนด้าจะไม่ยอมให้อะไรมาเป็นอุปสรรคโดยเด็ดขาด รวมทั้ง “ผู้ช่วย”ของเธอก็เช่นกัน การได้เป็นผู้ช่วยของมิแรนด้านั้น ถือเป็นงานที่ยากลำบากมาก น้อยคนนักที่จะทำงานนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็น ตำแหน่งที่หญิงสาวชาวนิวยอร์คนับล้านคนต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้โอกาสสำคัญนี้


งานผู้ช่วยของ มิแรนด้า ที่น่าเบื่อนี้อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเด็กจบใหม่อย่าง แอนดี้ แซ็ค (แอนน์ แฮ็ทธาเวย์ ) สาวน้อยธรรมดาๆที่ไม่สนใจเรื่องแฟชั่นเลยแม้แต่น้อย แต่การได้รับโอกาสเป็นผู้ช่วยมิแรนด้านี้ ยิ่งทำให้เธอยิ่งโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนที่ทำงานใน Runway ทั้งนี้ก็เพราะทุกคนที่ทำงานในนั้นล้วนแต่เป็นผู้ติดตามแฟชั่นอย่างใกล้ชิด เพราะหากไม่ทันแฟชั่นก็อาจจะตกงานได้เนื่องจากมิแรนด้าไม่พอใจ แอนดี้จึงรู้ว่าทางเดียวที่จะแจ้งเกิดในวงการนี้ ต้องใช้มากกว่าแค่เพียงความมุ่งมั่น และการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เพราะบททดสอบสุดหินที่เธอต้องเผชิญหน้าก็คือการตามแฟชั่นให้ทันตั้งแต่หัวจรดเท้า

ถึง มิแรนด้า จะสามารถปั่นโลกแฟชั่นได้ในกำมือ แต่เธอกลับไม่ว่างพอจะหาผู้ช่วยดี ๆ และรั้งตัวไว้ให้ร่วมงานกับเธอนาน ๆ เลยสักคน แอนดี้นี่ก็ช่างไม่เหมาะกับงานนี้เลยสักนิด แต่เธอมีคุณสมบัติข้อเดียวที่ผู้ช่วยคนก่อน ๆ ขาด นั่นก็คือ เธอไม่ยอมแพ้

การตัดสินใจที่จะเปลี่ยนความคิดของแอนดี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของหญิงสาวธรรมดาๆอย่างเธอ เพราะการตัดสินใจคราวนี้ก็คือการต้องเลือกระหว่างคนที่เธอรักกับงานของเธอ เมื่อเธอได้ตัดสินใจแล้ว ก็ได้เดินทางตามสิ่งที่เธอเลือก แอนดี้ปรับเปลี่ยนการแต่งตัวใหม่ เธอเปลี่ยนไปมากเสียจนแฟนหนุ่ม (เอเดรียน เกรเนียร์ ) ของเธอจำไม่ได้ เธอพูดจาฉะฉานเด็ดขาด เดินด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่ยิ่งเธอมองวิถีชีวิตผ่านมุมมองของมิแรนด้ามากขึ้น เธอก็ยิ่งเห็นว่า โลกของมิแรนด้าช่างอ้างว้างโดดเดี่ยวเพียงใด และมิแรนด้าต้องเสียสละหลายๆสิ่งไปมากกว่าทีเธอคิด

การได้เป็นผู้ช่วยของมิแรนด้าถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของแอนดี้ เธอได้ค้นพบสัจธรรมแห่งชีวิต อีกครั้งที่เธอต้องเลือกเส้นทางชีวิตของเธอ ระหว่างการเป็นผู้ช่วยของมิแรนด้าต่อไปกับการเดินทางตามความฝันที่จะเป็นนักเขียนของเธอ สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะปลดปล่อยตัวเองออกจากกำมือของมิแรนด้า และเดินทางตามเส้นทางที่เธอใฝ่ฝันต่อไป

จุดสุดขั้นของภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นตอนที่แอนดี้ต้องเลือกเส้นทางชีวิตของเธอ ระหว่างคนที่เธอรักกับความฝันของเธอ ฉากนั้นถือเป็นฉากการตัดสินใจที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดของคู่รักของเธอ ในขณะที่เธอสัญญาไว้กับคนรักว่าจะกลับไปฉลองวันเกิดด้วยกัน แต่กลับมีโทรศัพท์จากมิแรนด้ามาเรียกตัวเพราะมีงานด่วน เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่รับสายก็ได้ แต่ท้ายที่สุด เธอก็ตัดสินใจรับสายและต้องไปทำงาน ทำให้ไม่สามารถมาฉลองวันเกิดกับคนรักได้ตามสัญญา ทำให้ทั้งสองต้องบาดหมางใจกัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ ตัวละคร เพราะตัวละคร คือส่วนที่เด่นที่สุด ดังจะเห็นได้จากตัวละครหลัก 2 ตัวละคร คือ มิแรนด้าและแอนดี้ ทั้งสองคือตัวดำเนินเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ มิแรนด้า คือตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่อง ส่วนแอนดี้ก็คือตัวละครที่เป็นตัวแทนของความใฝ่ฝัน ทั้งสองตัวละครเดินเรื่องร่วมกันภายใต้โลกแห่งแฟชั่น โลกที่เป็นเสมือนโลกของมิแรนด้า โดยมีแอนดี้เดินเข้ามายังโลกใบนี้ แอนดี้ปรับตัวเองเพื่อให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ เมื่อเธอรู้สึกได้ว่า เธอสูญเสียความเป็นตัวเองมากเกินไปแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะก้าวออกมาจากโลกแห่งแฟชั่น เพื่อเรียกความเป็นตัวเองกลับคืนมา และเดินทางตามความฝันของเธอต่อไป

ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนภาพโลกแห่งแฟชั่นที่หมุนเร็วยิ่งกว่าโลกยุคโลกาภิวัตน์ แอนดี้คือแรงบันดาลใจของคนที่ยังต้องสู้เพื่อเดินตามความฝัน เธอทำให้เห็นว่าการจะทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงนั้น ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากเพียงใด และสิ่งที่ทุกคนได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับเพียงใด แต่เรายังมีสิทธิ์เลือกได้เสมอ ดังที่แอนดี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอเลือกที่จะทำในสิ่งที่เธอต้องการนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: