0590204
Closer ขอหยุดไฟรักไว้ที่เธอ จากฝีมือผู้กำกับไมค์ นิโคลส์ ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์นำเสนอ Closer หลังประสบความสำเร็จจากเรื่อง Angel in American และแต่งโดยแพทริค มาร์เบอร์ เข้าฉายเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2548 ด้วยภาพยนตร์ Closer ภาพยนตร์แนวดรามา นำเสนอมุมมองที่ตรงไปตรงมาและตลกปนเสียดสีได้อย่างเจ็บปวด ผ่านนักแสดงชั้นนำระดับเจ้าของรางวัลออสการ์ นำแสดงโดยจูเลียร์ โรเบิร์ตส์(แอนนา) จู๊ด ลอว์(แดน) นาตาลี พอร์ตแมน(อลิซ)และไคล์ฟ โอเว่น (ลาร์รี่) ที่โคจรมาพบกันโดยบังเอิญ และตกหลุมรักกันทันที ความรัก การทรยศ หักหลังและการแก้แค้นสุดร้ายกาจเพื่อให้ได้มาเพื่อรักแท้ของคนทั้งสี่จึงอุบัติขึ้น
เรื่องราวเกิดขึ้นบนถนนกลางกรุงมหาลอนดอนเริ่มต้นด้วยบทเพลงอันแสนเศร้า อลิซ หญิงสาวผมแดงมาจากนิวยอร์กได้มาพบรักกับแดนนักเขียนผู้ทะเยอทะยานที่ประสบปัญหาในการเขียนโดยบังเอิญ ในขณะที่แดนกำลังเขียนเรื่องราวของอลิซ เขาได้รู้จักกับแอนนาช่างภาพชื่อดังที่เพิ่งผ่านการหย่าร้างมา ซึ่งการรู้จักครั้งนี้ได้นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อแดนกลับกลายเป็นกามเทพสื่อรักให้แก่แอนนาและลาร์รี่หมอหนุ่มโรคผิวหนังที่ทั้งหล่อและมีความเชื่อมั่นในตัวเองโดยบังเอิญ ความรักของคนทั้งสี่น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่กลับมิเป็นเช่นนั้นยังมีความสัมพันธ์ลับแอบซ่อนอยู่ระหว่างแอนนาและแดน จนในที่สุดทั้งคู่จึงเปิดเผยความจริงเพราะมิอาจต้านทานกับความรู้สึกผิดได้ ทั้งสี่คนต่างได้รับความเสียใจโดยเฉพาะลาร์รี่และอลิซซึ่งเป็นคนเจ็บช้ำกับการหักหลังครั้งนี้มากที่สุด ต่อมาแอนนาต้องการหย่ากับลาร์รี่เพื่อไปอยู่กับแดน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ลาร์รี่ไม่ยอมให้คนทั้งคู่มีความสุขอย่างง่ายดายและเพื่อปกป้องตัวเองเขาเลือกที่จะรั้งตัวแอนนาไว้ให้เธอได้พบกับความเจ็บปวดเช่นเดียวกับเขาในขณะเดียวกันแดนก็ได้พบความจริงว่าแท้จริงแล้ว อลิซไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารู้จักมาโดยตลอด
จากเนื้อหาจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องราวความรักของคนธรรมดาทั้งสี่คนที่บังเอิญมาพบกัน ฉากแรกเริ่มเรื่องที่อลิซเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย จนได้มาพบกับแดนเรื่องราวต่างๆจึงเริ่มขึ้นโดยประโยคแรกที่ว่า สวัสดีคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นประโยคที่มีความสำคัญกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับแอนนาเธอเลือกที่จะถ่ายรูปเฉพาะคนแปลกหน้า สาเหตุใดที่ทำให้ตัวละครเรื่องนี้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับคนแปลกหน้าซึ่งจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของแต่ละคนที่เริ่มจากแดนเขาเป็นหนึ่งในท่ามกลางผู้คนมากมายที่บังเอิญเห็นอลิซถูกรถชนและได้นำเธอส่งโรงพยาบาล อีกเหตุการณ์หนึ่งแดนได้พบกับลาร์รี่ในอินเตอร์เน็ตและได้นัดพบกันเป็นเหตุให้ลาร์รี่ได้พบกับแอนนาโดยบังเอิญ สรุปว่าทั้งสี่คนต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน และต่างคนได้ดำเนินเรื่องราวความรักจนกลายมาเป็นความขัดแย้งอันเกิดจากความต้องการภายในจิตใจที่ยากจะห้ามได้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละครที่อยู่ระหว่างความถูกต้องกับความไม่ถูกต้อง แต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะตามใจตนเองจนนำไปสู่ความรู้สึกผิดและการเปิดเผยความจริง ทำให้อลิซและลาร์รี่ผู้ถูกหักหลังต่างแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวดผ่านบทสนทนาการกระทำที่สุดขั้ว จะเห็นได้จากในตอนที่แอนนาสารภาพต่อลาร์รี่ว่ามีความสัมพันธ์กับแดน ลาร์รี่ได้ตั้งคำถามที่ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้แก่แอนนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ปฏิบัติต่อกันซึ่งเป็นบทที่เสียดสีอย่างร้ายกาจซึ่งสะท้อนความรู้สึกเป็นอย่างมาก และในตอนที่อลิซเต้นยั่วลาร์รี่ในผับจนเกิดความสัมพันธ์กันเป็นสิ่งที่ระบายออกซึ่งความคับแค้นใจและความเจ็บปวดของตัวละครทั้งคู่จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่สมควร อย่างไรก็ตามลาร์รี่ไม่ยอมให้แอนนาและแดนได้มีความสุข เขาไม่ยอมหย่ากับแอนนาแม้จะรู้ว่าแอนนาไม่ได้รักเขาแล้วก็ตาม เขาเลือกที่จะแก้แค้นคนทั้งคู่ จะเห็นได้ว่าการกระทำของตัวละครต่างมุ่งหวังที่จะทำความต้องการของตนเองแต่ท้ายที่สุดก็เป็นการทำร้ายตนเองและได้พบกับความเจ็บปวดกันทุกคน
ในตอนท้ายเรื่องราวได้หักมุมแท้ที่จริงแล้วชื่อของอลิซ คือ เจน เธอใช้ชื่ออลิซในตอนที่พบกับแดน ต่อมาแดนจึงได้พบกับความจริงที่ตลกปนร้ายกาจว่าอลิซเป็นเพียงชื่อที่อยู่ในสวนสาธารณะซึ่งเป็นสถานที่ที่แดนเคยไปเดินกับเธอในตอนแรก ทำให้เห็นว่าเรื่องนี้มีการหักมุมในแง่ที่ว่าจากตอนแรกที่มองว่าอลิซเป็นผู้ถูกกระทำและได้รับความเจ็บปวดเพียงฝ่ายเดียว ตอนท้ายสุดจึงได้พบว่าแดนเองก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน อลิซได้หลอกแดนตั้งแต่เริ่มแรกแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่จีรังยั่งยืนซึ่งอลิซก็ทราบในข้อนี้ดีอยู่แล้ว ซึ่งในที่สุดตัวละครทุกตัวต่างก็ได้รับความผิดหวังและความเจ็บปวด ในฉากสุดท้ายก็จบลงด้วยอลิซเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่มิใช่ที่เดิมและคนเดิม เธอกลายเป็นคนใหม่และอยู่ในสถานที่ใหม่เพื่อเริ่มต้นและตามหาสิ่งที่เธอต้องการอีกครั้งด้วยบทเพลงเดิม
ภาพยนตร์เรื่องนี้หากมองโดยผิวเผินแล้วจะเห็นได้ว่าโดยเนื้อหานั้นไม่มีอะไรที่ซับซ้อนมากเป็นเพียงเรื่องราวความรักของคนทั้งสี่คน แต่สิ่งที่น่าสนใจและสามารถสะกดคนดูได้นั่นก็คือการนำเสนอเรื่องชีวิตความรักของตัวละครได้อย่างเข้าใจและเข้าถึงผู้ชมในแง่ของความรู้สึกภายในจิตใจของมนุษย์ และด้วยบทที่ดีมีพลัง ประชดประชัน เสียดสีเข้าถึงผู้ชมได้อย่างดี รวมถึงนักแสดงที่มากด้วยความสามารถซึ่งสามารถสื่อความรู้สึกและถ่ายทอดอารมณ์มาสู่ผู้ชมได้จนมาถึงในตอนท้ายที่หักมุมและต้องตั้งคำถามในใจว่า ทำไมต้องทำกับตัวเองแบบนี้ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งโดยตั้งอยู่มุมมองบนพื้นฐานความเป็นจริงของมนุษย์
เรื่องราวเกิดขึ้นบนถนนกลางกรุงมหาลอนดอนเริ่มต้นด้วยบทเพลงอันแสนเศร้า อลิซ หญิงสาวผมแดงมาจากนิวยอร์กได้มาพบรักกับแดนนักเขียนผู้ทะเยอทะยานที่ประสบปัญหาในการเขียนโดยบังเอิญ ในขณะที่แดนกำลังเขียนเรื่องราวของอลิซ เขาได้รู้จักกับแอนนาช่างภาพชื่อดังที่เพิ่งผ่านการหย่าร้างมา ซึ่งการรู้จักครั้งนี้ได้นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อแดนกลับกลายเป็นกามเทพสื่อรักให้แก่แอนนาและลาร์รี่หมอหนุ่มโรคผิวหนังที่ทั้งหล่อและมีความเชื่อมั่นในตัวเองโดยบังเอิญ ความรักของคนทั้งสี่น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่กลับมิเป็นเช่นนั้นยังมีความสัมพันธ์ลับแอบซ่อนอยู่ระหว่างแอนนาและแดน จนในที่สุดทั้งคู่จึงเปิดเผยความจริงเพราะมิอาจต้านทานกับความรู้สึกผิดได้ ทั้งสี่คนต่างได้รับความเสียใจโดยเฉพาะลาร์รี่และอลิซซึ่งเป็นคนเจ็บช้ำกับการหักหลังครั้งนี้มากที่สุด ต่อมาแอนนาต้องการหย่ากับลาร์รี่เพื่อไปอยู่กับแดน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ลาร์รี่ไม่ยอมให้คนทั้งคู่มีความสุขอย่างง่ายดายและเพื่อปกป้องตัวเองเขาเลือกที่จะรั้งตัวแอนนาไว้ให้เธอได้พบกับความเจ็บปวดเช่นเดียวกับเขาในขณะเดียวกันแดนก็ได้พบความจริงว่าแท้จริงแล้ว อลิซไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารู้จักมาโดยตลอด
จากเนื้อหาจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องราวความรักของคนธรรมดาทั้งสี่คนที่บังเอิญมาพบกัน ฉากแรกเริ่มเรื่องที่อลิซเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย จนได้มาพบกับแดนเรื่องราวต่างๆจึงเริ่มขึ้นโดยประโยคแรกที่ว่า สวัสดีคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นประโยคที่มีความสำคัญกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับแอนนาเธอเลือกที่จะถ่ายรูปเฉพาะคนแปลกหน้า สาเหตุใดที่ทำให้ตัวละครเรื่องนี้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับคนแปลกหน้าซึ่งจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของแต่ละคนที่เริ่มจากแดนเขาเป็นหนึ่งในท่ามกลางผู้คนมากมายที่บังเอิญเห็นอลิซถูกรถชนและได้นำเธอส่งโรงพยาบาล อีกเหตุการณ์หนึ่งแดนได้พบกับลาร์รี่ในอินเตอร์เน็ตและได้นัดพบกันเป็นเหตุให้ลาร์รี่ได้พบกับแอนนาโดยบังเอิญ สรุปว่าทั้งสี่คนต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน และต่างคนได้ดำเนินเรื่องราวความรักจนกลายมาเป็นความขัดแย้งอันเกิดจากความต้องการภายในจิตใจที่ยากจะห้ามได้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละครที่อยู่ระหว่างความถูกต้องกับความไม่ถูกต้อง แต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะตามใจตนเองจนนำไปสู่ความรู้สึกผิดและการเปิดเผยความจริง ทำให้อลิซและลาร์รี่ผู้ถูกหักหลังต่างแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวดผ่านบทสนทนาการกระทำที่สุดขั้ว จะเห็นได้จากในตอนที่แอนนาสารภาพต่อลาร์รี่ว่ามีความสัมพันธ์กับแดน ลาร์รี่ได้ตั้งคำถามที่ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้แก่แอนนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ปฏิบัติต่อกันซึ่งเป็นบทที่เสียดสีอย่างร้ายกาจซึ่งสะท้อนความรู้สึกเป็นอย่างมาก และในตอนที่อลิซเต้นยั่วลาร์รี่ในผับจนเกิดความสัมพันธ์กันเป็นสิ่งที่ระบายออกซึ่งความคับแค้นใจและความเจ็บปวดของตัวละครทั้งคู่จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่สมควร อย่างไรก็ตามลาร์รี่ไม่ยอมให้แอนนาและแดนได้มีความสุข เขาไม่ยอมหย่ากับแอนนาแม้จะรู้ว่าแอนนาไม่ได้รักเขาแล้วก็ตาม เขาเลือกที่จะแก้แค้นคนทั้งคู่ จะเห็นได้ว่าการกระทำของตัวละครต่างมุ่งหวังที่จะทำความต้องการของตนเองแต่ท้ายที่สุดก็เป็นการทำร้ายตนเองและได้พบกับความเจ็บปวดกันทุกคน
ในตอนท้ายเรื่องราวได้หักมุมแท้ที่จริงแล้วชื่อของอลิซ คือ เจน เธอใช้ชื่ออลิซในตอนที่พบกับแดน ต่อมาแดนจึงได้พบกับความจริงที่ตลกปนร้ายกาจว่าอลิซเป็นเพียงชื่อที่อยู่ในสวนสาธารณะซึ่งเป็นสถานที่ที่แดนเคยไปเดินกับเธอในตอนแรก ทำให้เห็นว่าเรื่องนี้มีการหักมุมในแง่ที่ว่าจากตอนแรกที่มองว่าอลิซเป็นผู้ถูกกระทำและได้รับความเจ็บปวดเพียงฝ่ายเดียว ตอนท้ายสุดจึงได้พบว่าแดนเองก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน อลิซได้หลอกแดนตั้งแต่เริ่มแรกแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่จีรังยั่งยืนซึ่งอลิซก็ทราบในข้อนี้ดีอยู่แล้ว ซึ่งในที่สุดตัวละครทุกตัวต่างก็ได้รับความผิดหวังและความเจ็บปวด ในฉากสุดท้ายก็จบลงด้วยอลิซเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่มิใช่ที่เดิมและคนเดิม เธอกลายเป็นคนใหม่และอยู่ในสถานที่ใหม่เพื่อเริ่มต้นและตามหาสิ่งที่เธอต้องการอีกครั้งด้วยบทเพลงเดิม
ภาพยนตร์เรื่องนี้หากมองโดยผิวเผินแล้วจะเห็นได้ว่าโดยเนื้อหานั้นไม่มีอะไรที่ซับซ้อนมากเป็นเพียงเรื่องราวความรักของคนทั้งสี่คน แต่สิ่งที่น่าสนใจและสามารถสะกดคนดูได้นั่นก็คือการนำเสนอเรื่องชีวิตความรักของตัวละครได้อย่างเข้าใจและเข้าถึงผู้ชมในแง่ของความรู้สึกภายในจิตใจของมนุษย์ และด้วยบทที่ดีมีพลัง ประชดประชัน เสียดสีเข้าถึงผู้ชมได้อย่างดี รวมถึงนักแสดงที่มากด้วยความสามารถซึ่งสามารถสื่อความรู้สึกและถ่ายทอดอารมณ์มาสู่ผู้ชมได้จนมาถึงในตอนท้ายที่หักมุมและต้องตั้งคำถามในใจว่า ทำไมต้องทำกับตัวเองแบบนี้ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งโดยตั้งอยู่มุมมองบนพื้นฐานความเป็นจริงของมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น