วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

The devil wears Prada


นายสมัชญ์ โสขุมา
05490218


แอนเดียร์ แซก หญิงสาวธรรมดาที่ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องของความสวยความงามและการแต่งตัวเธอมีความฝันที่อยากจะเป็นนักข่าวโดยแลกกลับการสละสิทธิรับทุนเพื่อไปเรียนต่อทางด้านกฎหมายหลังจากที่เธอเรียนจบแล้วที่มหาวิทยาลัย Northwestern University เธอมีผลงานมากมายเคยชนะเลิศการประกวดการเขียนข่าวระดับชาติ และเคยเป็น บ.ก. บริหารของมหาวิทยาลัย ดังนั้นเธอจึงได้ออกมาหางานทำโดยอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอที่ชื่อ เน็ท เขามีอาชีพเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ
วันหนึ่งเธอได้รับการตอบรับให้ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทหนังสือนิตยาสารแฟร์ชั่นชื่อดังของอเมริกาชื่อว่า Runway ซึ่งเธอไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลยในชีวิตแต่เธอถูกรับเลือกให้ทำงานในตำแหน่งให้เป็นเลขาอันดับที่ 2 ของ มิรันด้า พรีสลีย์ บ.ก.ชื่อดังผู้มีนิสัยแปลกประหลาดเอาใจยากไม่เคยยิ้มให้ใครเลยแต่มีความสามารถในการการทำงานสูงและไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ เอมิรี่ เลขาอันดับ 1ของมิรันด้า คอยฝึกสอนงานและใช้ แอนเดียร์ ต่ออีกทีหนึ่งเธอให้ความสนใจกับงานแสดงแฟร์ชั่นที่ปารีสมากเพราะกำลังจะมาถึงและเธอก็เป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ไปดูงานกับ มิรันด้า ด้วย แอนเดียร์ ต้องฟังคำเย้ยหยั้นของ มิรันด้าที่ดูถูกว่าเธอทำงานไม่เป็นรวมถึงเพื่อนร่วมงานและ เอมิรี่ มองเธอว่าเป็นคนแต่งตัวไม่เป็นและล้าสมัยอยู่เสมอเธอจึงมีทัศนะคติที่ไม่ดีต่อ
มิรันด้า เป็นอย่างมากดังนั้นจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการที่เธอไม่เคยที่จะต้องใส่ใจในการดูแลตัวเองและความทันสมัยของวงการแฟร์ชั่นกลับทำให้เธอต้องรู้จักที่จะต้องเรียนรู้กับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้อยู่รอดได้ในบริษัทและไม่ให้ถูกไล่ออกเพื่อความใฝ่ฝันของเธอที่อยากจะเป็นนักข่าวงานนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นบันไดเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายของเธอ แอนเดียร์ ได้ให้
ไนเจล หัวหน้าฝ่ายออกแบบและดูแลเนื้อหาบรรณาธิการ ผู้ที่ มิรันด้า ได้ให้ความไว้วางใจและอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มมาบริหารงานที่บริษัทนี้ช่วยเหลือเพราะ ไนเจล รู้และเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับในสิ่งที่มิรันด้า ชอบและเกลียด เธอปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโฉมตัวเอง ทั้งเสื้อผ้าการแต่งตัว,ของใช้และนิสัยในการทำงานเพื่อเอาชนะใจ มิรันด้า ให้ได้จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นผู้ช่วยหมายเลข 1ของ มิรันด้า แทน เอมีรี่ เธอได้ทำงานอยู่ในวงการแฟร์ชั่นและได้พบกับนักเขียนต่างๆมากมายที่เธอชื่นชอบและหนึ่งในนั้นก็คือ คริสเตียน ทอมสัน หนุ่มใหญ่แห่งวงการนักเขียนที่เลื่องชื่อเขาได้ตามจีบ แอนเดียร์ มาตลอดแต่เธอนั้นก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเขาแต่อย่างใด
อุปสรรคของ แอนเดียร์ ก็ยังไม่หมดไปแต่อย่างใดเธอกลับต้องพบกับการกลั่นแกล้ง ของ
มิรันด้า อีกครั้งหนึ่ง เพราะการที่เธอเข้าไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาในขณะที่ มิรันด้า กำลังทะเลาะกับสามีคนที่ 2 ของเธอ มิรันด้า รู้สึกอับอายและไม่ชอบให้ใครรู้เรื่องส่วนตัวที่ล้มเหลวของเธอซึ่งตรงกับข้ามกับชีวิตการทำงานที่มีแต่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายเธอสั่งให้ แอนเดียร์ไปหาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มล่าสุดที่กำลังจะตีพิมพ์ใหม่เตรียมตัวออกวางขายในปีหน้าให้กับลูกแฝดของเธอซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะทำได้เลยทำให้ แอนเดียร์ไม่ชอบ มิรันด้า มากขึ้นไปอีก แอนเดียร์จนหนทางและคิดว่าตัวเองต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอนแต่ในที่สุดแล้วก็ได้ให้ คริสเตียน ทอมสันช่วยเหลือ เขาหาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์มาให้ได้ทันเวลาจึงทำให้ มิรันด้า ทึ่งในความสามารถของ แอนเดียร์ และกลับไว้ใจให้เธอทำงานมากยิ่งขึ้นและสอนการทำงานให้กับ แอนเดียร์ หลายอย่างเธอได้พา แอนเดียร์ออกงานบ่อยครั้งขึ้นและมีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งเป็นงานการกุศลของบริษัทซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันเกิดของของ เน็ท แอนเดียร์ ปลีกตัวออกมาจากงานไม่ได้เธอเลยมางานวันเกิดของแฟนหนุ่มสายจนทุกคนกลับไปหมดแล้วเหตุการณ์นี้กลับทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและแฟนหนุ่มห่างเหินกันมากขึ้น ในขณะที่การงานของ แอนเดียร์ กลับดีขึ้นเรื่อยๆ แฟนหนุ่มของเธอก็กลายเป็นคนไกลตัวมากขึ้นตามกันและเมื่อวันที่สำคัญของบริษัท Runway มาถึงการที่ แอนเดียร์ถูกเลือกให้ไปดูงานแสดงแฟร์ชันที่ปารีสแทน เอมิรี่ ที่ป่วยอยู่เธอขัดแย้งกับความรู้สึกเป็นอย่างมากเพราะ เอมิรี่ต้องการจะไปงานนี้ตั้งแต่แรกแล้ว มิรันด้า ให้แอนเดียร์ ไปบอกกับ เอมิรี่ ว่า เธอให้แอนเดียร์ไปแทนแล้ว แอนเดียร์ลำบากใจเป็นอย่างมากแต่ด้วยปฏิเสธกับ มิรันด้า ไม่ได้เธอก็ต้องไปในที่สุดและบอกกับ เอมิรี่ อย่างเศร้าใจแต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองและการไปปารีสในครั้งนี้กลับทำให้ แอนเดียร์ ต้องสูญเสียกับสิ่งที่เธอรักไปคือ เน็ท แฟนหนุ่มของเธอและที่สำคัญคือความเป็นตัวเองของเธอที่ถูกครอบงำโดยด้วยชุดสวยๆและสังคมที่ไฮโซ เน็ท กับแอนเดียร์ ทะเลาะกันและขอแยกกันอยู่สักพัก การไปปารีสของแอนเดียร์จึงเป็นช่วงเวลาที่จะใช้คิดทบทวนว่าสาเหตุของปัญหานั้นคืออะไรเธอตัดสินใจลองคบกับ คริสเตียน ทอมสัน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่เธอต้องการ เหตุการณ์สำคัญอีกเรื่องก็เกิดขึ้นขณะที่ แอนเดียร์ อยู่ที่ฝรั่งเศส คือ ผู้บริหารสูงสุดของ Runway มีนโยบายเปลี่ยนแปลงผู้บริหารโดยจะปลด มิรันด้า พรีสลี่ย์ ออกและให้ แจ็กกาลีน ฟรอเรส มาทำงานแทน แอนเดียร์ รู้มาจาก คริสเตียน ทอมสัน ที่จะมาทำงานในส่วนของบรรณาธิการการเขียนใน Runway ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใหม่ด้วยเธอจึงพยายามที่จะเตือน มิรันด้า แต่ มิรันด้า กับทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อการแถลงงานเกิดขึ้น มิรันด้า ได้ชิงลงมือปรับเปลี่ยนตำแหน่งใน Runway ก่อนโดยปลด ไนเจลไม่ให้ไปรับตำแหน่งหุ้นส่วนของ บริษัท James Hope โดยให้ แจ็กกาลีน ไปแทน ทั้งๆที่ ไนเจล เป็นเพื่อนที่สนิทและ มิรันด้า เองก็เป็นผู้ติดต่อให้ไนเจลได้ไปทำงานตำแหน่งนี้อยู่ก่อนแล้วจุดนี้ แอนเดียไม่เข้าใจ หลังจากที่งานเลิก มิรันด้า ได้นั่งรถกลับไปพร้อม แอนเดียร์ เธอบอกกับแอนเดียร์ว่า เธอรู้ซาบซึ้งในการพยายามที่จะมาเตือนแต่เธอรู้มาก่อนล่วงหน้านี้แล้วและนี้คือทางออกที่ดีที่เธอเตรียมเอาไว้แล้ว มิรันด้า ยิ้มและพูดกับ แอนเดียร์ต่อว่าเธอมอง แอนเดียร์ ว่าคล้ายกับเธอมาก แต่แอนเดียร์ก็ตอบกลับมาว่า เธอไม่เหมือนกับมิรันด้าเลยเพราะเธอจะไม่เลือกวิธีในการแก้ปัญหาโดยใช้ ไนเจล เป็นทางออกอย่างนั้น มิรันด้าก็ตอบกลับมาว่าเธอได้ทำไปแล้ว เพราะเธอเลือกที่มาดูงานที่ปารีสแทนเพื่อน คือ เอมิรี่ เพื่อความก้าวหน้าแต่แอนเดียร์ ก็พูดอะไรไม่ออกเพราะเป็นสิ่งที่เธอเลือกทำลงไปจริงแม้ว่าจะไม่มีทางเลือกก็ตาม เธอเสียใจและตัดสินใจคิดทบทวนก่อนที่จะเดินออกมาจากรถของ มิรันด้าทันที เพราะเธอพึ่งจะเข้าใจว่าทั้งหมดนั้นปัญหาคืออะไรสิ่งที่เป็นตัวเธอทั้งหมดคืออะไรและเธอก็กลับไปหาแฟนหนุ่มที่อเมริกาและไปสมัครงานใหม่ที่โรงพิมพ์เล็กๆแทนในตอนสุดท้าย

……………………………

Plot (โครงเรื่อง) ประกอบด้วย
1. การเปิดเรื่อง
เริ่มจาการการนำผู้หญิงมา 2 กลุ่มซึ่งนั่นก็คือ นางเอก และอีกกลุ่มก็คือผู้หญิงที่ทำงานในตัวเมือง มาแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่แตกต่าง ในการตื่นนอน อาบน้ำ การแต่งตัว เสื้อผ้า และการกินอาหารให้เห็นถึงความแตกต่างโดยเน้นที่นางเอกจะเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัว และเสื้อผ้า เครื่องประดับ ซึ่งจะแตกต่างกับกลุ่มผู้หญิงที่นำมาเสนอให้เห็นถึงการเปรียบเทียบระหว่างคน 2 ประเภท

2. เหตุการณ์เริ่มพัฒนา
แอนเดียร์ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการที่เธอไม่เคยที่จะต้องใส่ใจในการดูแลตัวเองและความทันสมัยของวงการแฟร์ชั่นกลับทำให้เธอต้องรู้จักเรียนรู้กับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้อยู่รอดได้ในบริษัทและไม่ให้ถูกไล่ออกและ เพื่อความใฝ่ฝันของเธอที่อยากจะเป็นนักข่าวงานนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นบันไดเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายโดยให้ ไนเจล ผู้ที่ มิรันด้า ได้ให้ความไว้วางใจช่วยเหลือ

3. จุดสงสัย <>
แอนเดียร์ใช้เวลาในช่วงการไปปารีสคิดทบทวนดูว่าอะไรคือสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เธอกับแฟนหนุ่มต้องห่างกัน

4.ความขัดแย้ง <>
มิรันด้า ยิ้มและพูดกับ แอนเดียร์ต่อว่าเธอมอง แอนเดียร์ ว่าคล้ายกับเธอมาก แต่แอนเดียร์ก็ตอบกลับมาว่า เธอไม่เหมือนกับมิรันด้าเพราะเธอจะไม่เลือกวิธีในการแก้ปัญหาโดยใช้ ไนเจล เป็นทางออกอย่างนั้น มิรันด้าก็บอกว่าเธอได้ทำไปแล้ว เพราะเธอเลือกที่มาดูงานที่ปารีสแทนเพื่อน คือ เอมิรี่ เพื่อความก้าวหน้า



5. จุดวิกฤติ <>
แอนเดียร์ ก็พูดอะไรไม่ออกเพราะเป็นสิ่งที่เธอเลือกทำลงไปจริงๆแม้ว่าจะไม่มีทางเลือกก็ตาม เธอเลือกแย่งการมาดูงานที่ปารีสจาก เอมิรี่ เธอฟัง มิรันด้าพูดอย่างไม่สามารถโต้เถียงได้

6.จุดไคลแม็กซ์ <>
เธอตัดสินใจเดินลงมาจากรถของ มิรันด้า ทันทีเพราะเธอพึ่งจะเข้าใจว่าทั้งหมดนั้นปัญหาคืออะไรสิ่งที่เป็นตัวเธอทั้งหมดคืออะไรและเธอก็กลับไปหาแฟนหนุ่มที่อเมริกาและไปสมัครงานที่โรงพิมพ์เล็กๆแทนในตอนสุดท้าย

7. การปิดเรื่อง
แอนเดียร์ เดิน มาตามถนนหลังจากที่เธอไปสมัครงานที่ใหม่เธอเจอ กับ มิรันด้า โดยบังเอิญ ซึ่งอยู่ อีกฝั่งด้านหนึ่ง เธอหยุดมองและคิดถึงสิ่งเธอได้จากการทำงานตอนอยู่ที่ Runway มิรันด้า ก็หันหน้าพอดีเธอมอง แอนเดียร์ ด้วยสายตา แข็งกระด้างผ่านแว่นตากันแดด แอนเดียร์ก็โบกมือให้ส่วน มิรันด้านั้นไม่สนใจอะไรกลับขึ้นรถไปในทันทีและนั่งคิดอยู่สักครู่ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยเห็น

แสดงความคิดเห็น
ข้าพเจ้าเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นสังคมในรูปแบบของ วัตถุนิยมที่กำลังขยายตัวไปอย่างกว้างขึ้นทุกวันโดยการสะท้อนให้เห็นผ่านการแสดงของตัวละครที่ยึดติดกับกับความทันสมัยและความสวยหรูของอุปกรณ์ในการแต่งตัวส่วนในแง่ของจิตใจนั้น กลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพราะยังมีการแสดงออกของทัศนะคติในตัวละครต่อสังคมว่าการทำงานนั้นเพื่อประโยชน์ของตัวเองสามารถแลกกับอะไรก็ตามที่ผลักดันให้ตนเองก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่สนใจต่อพื้นฐานจิตใจของคนอื่นทั้งสิ้นว่า จะเป็นเพื่อนที่สนิท หรือ คนรัก ก็ตามแต่สุดท้ายแล้วตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังแสดงออกถึงจุดจบในด้านบวกออกมาเมื่อตัวละครเอกสามารถเข้าใจและตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองต้องสูญเสียกับทุกสิ่งทุกอย่างไป

ไม่มีความคิดเห็น: