วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

บันทึกสึนามิ “เราจะพาเขากลับบ้าน”


บันทึกสึนามิ “เราจะพาเขากลับบ้าน”
แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
พิมพ์ครั้งที่ ๑
สำนักพิมพ์อมรินทร์
มีนาคม ๒๕๔๘
๑๗๑ หน้า ภาพประกอบ
๑๕๐ บาท


หากเอ่ยถึงเหตุการณ์ “สึนามิ” คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยร่วมรับรู้ถึงความสูญเสียในครั้งนั้น เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าเหตุใดเหตุการณ์อย่างสึนามิจึงเกิดขึ้น เหตุใดจึงเกิดความสูญเสียรุนแรงเช่นนี้ เราคงไม่อาจไปตัดสินว่าเพราะธรรมชาติลงโทษมนุษย์ผู้ทำลายธรรมชาติไปมากมาย แต่ที่เราคิดก็คือมนุษย์รู้จักธรรมชาติน้อยเต็มที ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติไม่ได้ดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว ธรรมชาติไม่เคยปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นโดยปราศจากสัญญาณเตือน ธรรมชาติมิได้ร้ายกาจต่อมนุษย์ถึงปานนั้น เพียงแต่ว่ามนุษย์อาจ “วิวัฒนาการ” ไปมากเสียจนสัญชาตญาณในการรับรู้ “สัญญาณ” จากธรรมชาตินั้นเสื่อมถอยไป

ปลายปี ๒๕๔๗ หลายคนรับรู้ข่าวคราวและความเป็นไปของมหันตภัยร้ายแรงที่ชื่อว่า “สึนามิ” จากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ บางคนก็บอกเล่ากันปากต่อปากถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เทศกาลปีใหม่อันรื่นรมย์กลับกลายเป็นห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้า แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้รับรู้ข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้น จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้สัมผัสและซาบซึ้งถึงเบื้องหลังความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่คอยติดตามข่าวความคืบหน้าของเหตุการณ์สึนามิอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่อาจรับรู้และเข้าถึงจิตใจของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากเหตุการณ์นี้ บ้างก็สูญหายไปทั้งครอบครัว บ้างก็สูญเสียเสาหลักของครอบครัว มีประชาชนทั้งไทยและเทศที่ยังหาศพของสมาชิกในครอบครัวไม่พบ จากสถานการณ์เช่นนี้จึงจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และอาสาสมัครทุกเชื้อชาติ ให้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยซับน้ำตาผู้ประสบภัย โดยมีแพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นตัวจักรสำคัญในการพิสูจน์บุคคลสูญหายจากภัย “สึนามิ” นี้
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลายๆคนคงรู้จักเธอจากการที่เธอมักปรากฏกายขึ้นในเหตุการณ์ที่สังคมไทยให้ความสนใจเช่น การพิสูจน์ศพห้างทอง ธรรมวัฒนะ การพิสูจน์ศพนิรนามในสุสานจ.ปัตตานี และรวมถึงการพิสูจน์ศพจากภัยสึนามิในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากคุณหมอเป็นผู้ที่คลุกคลีและเรียกได้ว่าใกล้ชิดกับศพมากที่สุดจึงไม่แปลกเลยหากจะกล่าวว่าคุณหมอพรทิพย์เป็นผู้ที่เข้าใจเหตุการณ์สึนามิในครั้งนี้ได้กระจ่างถ่องแท้ที่สุดเช่นเดียวกัน

“ ศพเหยื่อสึนามิส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กๆ พ่อแม่บางคนร้องไห้คร่ำครวญเมื่อพบศพ เขาเล่าว่า เมื่อคลื่นซัดมาพยายามกอดลูกไว้แน่น แต่พอคลื่นมา ลูกก็หลุดไปจากอกเลย ความพลัดพรากที่เห็นทำให้ห่วงเด็กๆ ที่ขาดเสาหลักของครอบครัว หมอเห็นเด็กน้อยรายหนึ่ง น่าจะอายุ 7-8 ขวบ เดินมากับญาติ พวกเขาเปิดหน้าศพให้เด็กน้อยดูเพื่อหาพ่อแม่ของเขา หมอเห็นแล้วสงสารจับใจ และคิดต่อไปว่า เด็กน้อยรายนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบไหน จะมีใครดูแลเขา ”
นี่คือเรื่องจากปกหลัง ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากปลายปากกาของคุณหมอพรทิพย์คนนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ผ่านสายตามาแล้ว คงจะรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
บันทีกสึนามิ “เราจะพาเขากลับบ้าน” ได้เผยทุกเรื่องราวระหว่างการทำงานที่ยาวนานที่วัดย่านยาวของ “แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” ทั้งปณิธานในการทำงาน เพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพื่อนร่วมทางสืบศพทั้งชาวไทยชาวต่างชาติจากทุกสารทิศ รวมถึงปัญหาต่างๆมากมายที่เกิดขึ้น ตลอดจนน้ำใจของคนดังที่คอยแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ชาวบ้านอีกทั้งอาสาสมัครมากมายที่ทำงานกับศพโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่เคยปริปากบ่น
หนังสือเล่มนี้ จึงเป็นการถ่ายทอดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของไทยและของมนุษยชาติ จากสิ่งที่คุณหญิงหมอได้พบได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่มีอุปสรรคมากมาย ความขัดแย้งและแรงกดดันจากภายในและภายนอก รวมถึงปรากฏการณ์ธารน้ำใจที่หลั่งไหลไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำให้เรื่องร้ายต่างๆ ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเขียนด้วยเลือดเนื้อและน้ำตาของผู้คนนับแสน ข้อมูลทุกอย่างได้ถูกรวบรวมไว้อย่างดีแล้วในเล่ม ด้วยภาษาที่อ่านง่าย พร้อมภาพประกอบตลอดทั้งเล่ม เหลือเพียงรอให้ผู้อ่านทุกท่านเปิดใจและร่วมเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรู้เบื้องลึก เบื้องหลังจากเหตุการณ์สำคัญของมนุษยชาติในครั้งนี้

ชามาศ

ไม่มีความคิดเห็น: