สุขารมณ์เพลซ
ธวัชชัย คิดอ่าน
สำนักพิมพ์เพนพ็อกเกต
๑๒๘ หน้า
๑๓๕ บาท
“อพาร์ตเมนต์แสนสุขที่มีคนโดดตึกดิ่งลงมาตาย แต่ยังนอนยิ้ม” เป็นข้อความแรกที่ดิฉันได้พบเห็นบนปกหนังสือสีเขียวอ่อนเล่มหนึ่ง ที่มีภาพประกอบลายเส้นแบบเรียบง่าย พร้อมด้วยแทบขาวคาดเฉียงที่ด้านบนของปกหนังสือปรากฎข้อความว่า “นวนิยายเซอร์แตก” เข้าใจว่าคำนี้คงหมายถึง นวนิยายที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แปลกแตกต่างไปจากเล่มอื่นๆ และด้วยข้อความทั้งหมดนั้นเอง ทำให้ดิฉันต้องยืนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางคิดในใจว่า “เขามีความสุขอะไรถึงยังยิ้มได้แม้นาทีสุดท้ายของชีวิต และถ้าเขามีความสุขจริง ทำไมจะต้องกระโดดตึกลงมาด้วย” เพื่อให้คลายจากความสงสัยนั้นคงไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการซื้อหนังสือเล่มนั้นติดมือกลับบ้านมาเพื่อจะอ่านให้หายข้องใจว่าเรื่องราวภายในหนังสือนวนิยายเล่มนี้เป็นอย่างไรกันแน่ธวัชชัย คิดอ่าน
สำนักพิมพ์เพนพ็อกเกต
๑๒๘ หน้า
๑๓๕ บาท
ก่อนที่จะได้เปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ สายตาก็พลันไปสะดุดกับชื่อของผู้เขียน ธวัชชัย คิดอ่าน จำได้ว่าดิฉันเองเคยอ่านผลงานของเขามาแล้วเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง One day diary และยังจำได้ดีว่าวิธีการเขียน การเล่าเรื่อง โดยเฉพาะแนวเรื่องของคุณธวัชชัยนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวอยู่มากทีเดียว
นอกจากนี้ผลงานเล่มอื่นๆ ของเขา อย่างเช่นเรื่อง สังคมสังคัง ศรกามเทพสำแดงเดชสะท้านฟ้า ลำนำแห่งห้วงธารา ฯลฯ ยังเป็นผลงานที่มีความน่าสนใจอย่างมากเพราะให้แนวความคิดใหม่ๆ แก่ผู้อ่าน ทำให้ข้อความที่ว่า “นวนิยายเซอร์แตก” น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างที่ว่าจริงๆ นั่นยิ่งทำให้ดิฉันไม่รีรอที่จะเปิดอ่านนวนิยายเซอร์แตกเล่มนี้อย่างแน่นอน
นวนิยายเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวภายในอพาร์ตเมนต์ระดับสามดาวที่หมายเลขห้องเรียงลำดับไม่เหมือนใคร และบอกเล่าถึงวิถีและการดำเนินชีวิตของชาวอพาร์ตเมนต์ “สุขารมณ์เพลซ” ตั้งแต่บุญเพ็ง หัวหน้ายามรักษาการณ์ที่มักพกพากระติกน้ำแข็งชนิดปิดฝาล็อกด้วยรหัส
ตัวเลขแปดหลักติดตัวไปกับเขาด้วยเสมอ โดยที่ไม่ยอมบอกใครให้ล่วงรู้เลยว่าภายในนั้นมีสิ่งสำคัญอะไรซ่อนอยู่หรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงกระติกน้ำแข็งธรรมดาเท่านั้น
เดี่ยว ชายหนุ่มเจ้าของหมายเลขห้อง ๒๑๘ เขาชอบเล่นหวยเป็นกิจวัตร ทั้งยังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขโมยเฮโรอีนจากแก๊งค์ค้ายาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เกียรติ เพื่อนของเดี่ยว เขาเป็นคนนำเฮโรอีนที่ขโมยมาไปฝากไว้ที่ห้องของเพื่อนรักในสภาพของ “พระพุทธรูป” เพราะเขารู้ดีว่าหากปล่อยให้เจ้าสิ่งนั้นอยู่ที่ห้อง ๕๕๗ ของเขาแล้วละก็ ความหายนะคงจะคืบคลานมาในอีกไม่ช้า
กลางดึกคืนหนึ่ง ภายในห้อง ๘๐๘ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเหม่อมองผ่านกระจกหน้าต่างบานใสไปยังเบื้องล่างและได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เมื่อเธอเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะถูกข่มขื่น เธอลังเลอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะลงไปช่วย ทว่าเมื่อลงไปแล้วเธอกลับไม่พบกับหญิงสาวเคราะห์ร้ายผู้นั้น กลับกลายเป็นเธอเองที่จะถูกขมขื่น และก่อนที่สติของเธอจะหมดลงไปด้วยฤทธิ์ยาสลบ สายตาก็แหงนมองไปที่หน้าต่างห้องของตน เธอเห็น...หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางเธอ
เบื้องหลังประตูห้อง ๔๘๙ เป็นที่อาศัยของเฮียล้นและแก่น สมุนมือขวาคนสนิท ห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้เรียกได้ว่าเป็นรังของพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่รายหนึ่ง ที่น้อยคนในวงการยาเสพติดจะไม่รู้จัก เขาทั้งสองเป็นต้นตอและตัวการสำคัญที่จะทำให้ชีวิตเล็กๆ ของคนในอพาร์ตเมนต์บางคนต้องเปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวพวกเขาเอง
ชายหนุ่ม ห้องหมายเลข ๙๙๘ ผู้มีประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ที่ต้องแลกด้วยชีวิต เพราะประสบการณ์นั้นคือ การกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ที่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายแสดงความดีใจกับตนเองด้วยรอยยิ้ม เพราะคิดว่าอย่างน้อยการตายของเขาก็มีประโยชน์อะไรบางอย่าง
ยังมีอีกหลายชีวิตในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ที่รอให้ผู้อ่านเข้ามาทำความรู้จักและร่วมคลุกคลีไปกับวิถีชีวิตของพวกเขา ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างแตกต่างแต่ล้วนมีความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน เสมือนเป็นภาพจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ ที่หากขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งไปแล้วก็จะทำให้ภาพนั้นไม่สมบูรณ์
นอกจากความเพลิดเพลินที่จะได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว แง่คิดที่แฝงอยู่ในความอลวนและงงงวยของผู้คนในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ จะทำให้ผู้อ่านได้สะกิดใจถึงหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น อำนาจและกลิ่นหอมหวลของเงินที่ทำให้คนกล้าทำได้ทุกสิ่ง แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นสิ่งไม่ดีก็ตาม
ดังคำกล่าวจากตัวละครหนึ่งที่ว่า “นอกจากความรักแล้ว ก็ยังมีเงินนี่แหละที่ทำให้คนตาบอดได้โดยไม่ต้องใช้เข็มทิ่มแทง” ทั้งเชื่อมโยงให้เราได้เห็นว่า การทรยศหักหลังยังคงมีอยู่เสมอ แม้จะฉาบหน้าไปด้วยความซื่อสัตย์เพียงใดก็ตาม และสุดท้าย ความตายอาจเป็นเพียงประสบการณ์ที่ท้าทายของใครบางคน แต่หากตายโดยยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้บ้าง ก็คงไม่แปลกอะไรหากลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดไปและทิ้งไว้ด้วยรอยยิ้ม
นวนิยายเรื่องนี้ทำให้ดิฉันคิดได้ว่า เรื่องราวต่างๆ รวมทั้งชีวิตของคนเรานั้น ไม่ได้ดำเนินไปเป็นเพียงแค่เส้นตรง หรือเป็นวงกลมเท่านั้น หากแต่ทุกชีวิตทุกเรื่องราวอาจกำลังเกี่ยวข้องเชื่อมโยง ปะติดปะต่อกันเป็นจิ๊กซอว์อยู่ก็เป็นได้ เพียงรอเวลาให้เราค้นพบว่าจิ๊กซอว์ชิ้นไหนที่ขาดหายไป หรือตัวเราเองกำลังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นที่คนอื่นๆ กำลังตามหาอยู่ และที่สำคัญไม่ควรลืมความเป็นจริงที่เราหลายคนละเลยไปว่า การกระทำของเรานั้นส่งผลต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ
บางทีตอนที่เราขยับจิ๊กซอว์ชีวิตของตัวเราเองอยู่นั้น อาจทำให้จิ๊กซอว์ชิ้นข้างๆ กระเด็นออกนอกกรอบไปก็เป็นได้.....
ณัชชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น