วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

เข็มทิศชีวิต


เข็มทิศชีวิต
ฐิตินาถ ณพัทลุง
พิมพ์ครั้งที่ ๕๓ พ.ศ. ๒๕๕๑
สำนักพิมพ์ซีเอ็ด
208 หน้า
ราคา ๑๙๕ บาท


ด้วยวัยเพียง 21 ปี ของข้าพเจ้า ที่เมื่อพิจารณาจากตัวเลขแล้วใครหลายๆคนคงมองว่ายังน้อยนัก หากแต่เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้วก็มากพอที่จะผ่านประสบการณ์หลายๆอย่าง นั่นหมายรวมถึงปัญหาต่างๆที่ข้าพเจ้าต้องพบเจอด้วยเช่นกัน ปัญหาใหญ่ในชีวิตของข้าพเจ้าอย่างหนึ่งคือ ก้าวแรกของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ ม.1 เพราะต้องไปเรียนจังหวัดที่ไกลบ้าน แต่อย่างไรก็ตามความกว้างที่แตกต่างกันระหว่างรั้วมหาวิทยาลัยและรั้วโรงเรียนก็ทำให้ข้าพเจ้าหวั่นใจยิ่งนัก ไหนจะสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างภาคกลางและภาคใต้ เพื่อนใหม่ที่มาจากทั่วสารทิศ สำคัญที่สุดคือการปรับตัวเรื่องการเรียนที่หนักขึ้น ความรับผิดชอบที่ต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่กำลังสับสนวุ่นวายกับชีวิตช่วงนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คุณปู่ของข้าพเจ้าจากไป..อย่างไม่มีวันกลับ ภาพในวัยเด็กระหว่างเด็กหญิงตัวน้อยกับชายชราท่าทางใจดีผุดพรายขึ้นมาพร้อมๆกับน้ำตา ตอนนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนตั้งตัวรับเกือบไม่ทัน ...ความตายไม่เคยบอกล่วงหน้าว่าจะพรากใครไปจากเราเมื่อไหร่...

นับแต่วันนั้นข้าพเจ้าจึงมีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อย่าง “เข็มทิศชีวิต” ที่เขียนโดยคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง เธอเรียนจบปริญญาโทจากประทศอังกฤษ มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม แต่แล้ววันหนึ่งเธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าสามีของเธอนั้นเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันพร้อมกับทิ้งภาระหนี้สินหลายสิบล้านบาทไว้ให้เธอแบกรับ และลูกอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแล เธอจัดงานศพสามีในวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งเป็นเวลาที่ใครหลายๆคนสนุกสนานอยู่กับการฉลอง ความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่เธอได้รับทำให้เธอแทบสิ้นหวังกับชีวิต แต่เธอก็สามารถผ่านพ้นความทุกข์เหล่านนั้นมาได้ด้วยการฝึกทำสมาธิภาวนา ในตอนแรกอาจจะทำยาก แต่เมื่อผ่านไปสักพักเธอก็ค้นพบคำตอบที่ว่า “แท้จริงแล้วทุกข์อยู่ที่ใจ” เมื่อมีสติก็จะรู้ใจตนเอง มีความคิดรอบคอบ หลังจากนั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เธอสามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียงสามปี ด้วยความมีสติในการใช้ชีวิตและประกอบธุรกิจ นอกจากนี้เธอยังสนับสนุนให้พนักงานบริษัทของเธอศึกษาธรรมมะ ทำงานด้วยความสุจริต มองการทำงานเป็นการทำความดีให้ลูกค้า ทั้งหมดนี้ส่งเสริมให้เธอประสบความสำเร็จในที่สุด ที่สำคัญนอกจากเธอจะเอาชนะปัญหาเหล่านั้นได้แล้ว เธอยังปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ที่จมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ให้ได้มี “เข็มทิศ” นำจิตใจอีกด้วย


ความโดดเด่นของ “เข็มทิศชีวิต” นอกจากจะมีการใช้ภาษาที่กระชับในการนำเสนอความคิดของผู้เขียนแล้ว ยังมีเรื่องเล่าประกอบตลอดทั้งเล่ม ช่วยเน้นให้ผู้อ่านสัมผัสถึงสิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น เช่น ลิงกับกะปิ ใช้ตะเกียบคีบภูเขา แก้วที่ไม่เคยพอ เป็นต้น แต่ละเรื่องจะถ่ายทอดผ่านตัวละครที่ต่างกันออกไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ ทุกเรื่องล้วนมีข้อคิดที่ทำให้ผู้อ่านฉุกคิดและนำไปปฏิบัติได้

ในขณะที่อ่านเข็มทิศชีวิต สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกคือ เหมือนกับได้นั่งคุยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ใจดีที่คอยเล่าเรื่องราวสัจธรรมในชีวิตให้ลูกหลานฟัง หูตาของข้าพเจ้าถูกเปิดให้กว้างขึ้น ทำให้มองเห็นว่าทุกชีวิตล้วนต้องเจอกับปัญหาทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้จะทุกข์หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ว่าเลือกที่จะจัดการอย่างไรกับปัญหาเหล่านั้น และที่สำคัญต้องจัดการอย่างมีสติ

ตอนนี้ความทุกข์ในใจของข้าพเจ้าค่อยๆจางหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับสติที่เข้ามาแทนที่ ส่วนใครที่ยังไล่ตามวัตถุ กิเลส หรือกำปัญหาทั้งหลายเอาไว้ ลองหันกลับมาใคร่ครวญดูว่าความสุขในใจที่แท้จริงอยู่ที่ไหน... “เข็มทิศชีวิต” จะเป็นเข็มทิศที่ช่วยให้ชีวิตคุณพบกับความสงบได้

ซีรีน

ไม่มีความคิดเห็น: