วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine โชคดีที่สวรรค์ไม่ลำเอียง

พรรณิดา

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของชายที่มีฝีมือทางด้านการเล่นเปียโน แต่ต้องมาป่วยด้วยอาการทางสมอง นั่นก็คือเดวิด เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ จากการปลูกฝังของพ่อที่เข้มงวดซึ่งเป็นทั้งผู้สอน และผู้ควบคุมชีวิตของเขาเกือบทั้งหมด ต่อมาเขาได้รับทุนไปเรียนต่ออเมริกา แต่ด้วยความรักการมีครอบครัวของผู้เป็นพ่อ ที่ไม่ยอมให้ครอบครัวอันเป็นที่รักของเขาต้องแตกแยก เดวิดจึงหมดโอกาสที่จะได้ไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศ ต่อมาไม่นานนัก เดวิดก็ได้รับโอกาสที่จะได้ไปเรียนต่ออีกครั้งที่อังกฤษ การตัดสินใจของเขาครั้งนี้ ทำให้เขาถูกตัดขาดจากพ่อและครอบครัว แต่เขาก็มุ่งหน้าตามหาฝันต่อไป ที่นั่น เขาได้ฝึกซ้อมเปียโนอย่างหนัก เพื่อเข้าแข่งขันงานของมหาวิทยาลัย แต่เมื่อถึงวันแข่ง เดวิดก็ล้มลงหลังจากเล่นเสร็จแทบจะทันที และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประสาทเรื่อยมา วันหนึ่ง เขาก็ได้หลงทางไปพบกับบริกรสาวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมา เธอก็ได้แนะนำให้รู้จักกับหมอดูดวงคนหนึ่ง ที่ต่อมาได้กลายเป็นคนนำทางชีวิตให้เขาอีกครั้ง และแต่งงานกับเขาในที่สุด

ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยการนำเสนอภาพอาการของเดวิด ว่าได้ส่งผลอย่างไรต่อเขา ในฉากนี้เป็นฉากที่เดวิดพูดเรื่อยเปื่อยอย่างรัวเร็ว และติดอ่าง ท่ามกลางบรรยากาศของฝนที่ตกโปรยปรายและมืดครึ้ม ซึ่งให้ความหมายตรงข้ามกับชื่อเรื่องที่แปลว่าแสงสว่าง และเริ่มที่เหตุการณ์หลังอาการป่วยของเขาแล้วย้อนไปยังความทรงจำในอดีตที่บรรยายถึงชีวิตที่ข้องเกี่ยวกับพ่อและเปียโนของเขาในวัยเยาว์

เหตุการณ์เริ่มพัฒนาตอนที่เดวิดได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเปียโนของออสเตรเลีย เขาจึงได้รับทุนไปอเมริกาเพื่อศึกษาต่อ ในตอนนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใยของผู้เป็นพ่อที่ไม่อยากปล่อยให้ลูกชายไปไกล และไม่อยากให้ครอบครัวต้องแตกแยกกัน เดวิดจึงเริ่มรู้สึกถึงความคับข้องใจในตอนนี้นั่นเอง

ความขัดแย้งของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดวิดได้รับทุนไปเรียนอังกฤษ คราวนี้เขามีความคิดแน่วแน่ที่จะไปเรียน แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างมนุษย์ กับมนุษย์ คือเดวิด และพ่อของเขาเอง แต่เดวิดก็เลือกที่จะกำหนดชีวิตของเขาเอง และโดนไล่ออกจากบ้านไป

ในเรื่องนี้ได้สื่อความหมายออกมาให้ผู้ชมได้เข้าใจในหลายๆเรื่อง โดยผ่านสัญลักษณ์ เหตุการณ์ คำพูด หรือสิ่งของที่มีปรากฏในเรื่อง เช่น การละเล่นแบบเด็กๆที่เดวิดเคยกระโดดเล่นเมื่อตอนเด็กๆนั้น ตอนที่เขาป่วยทางสมองก็ยังกระโดดแบบนั้นให้เห็น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่า เขายังมีความคิดแบบเก่าๆเหมือนในตอนเด็กๆ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าอาการที่แสดงออกมาผ่านการพูดซ้ำๆย้ำคำไปมานั้น อาจมาจากการปลูกฝังจากพ่อของเขาที่ต้องพูดตามประโยคที่อยากให้เขาจำฝังใจอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งยังมีภาพของพ่อที่กุมมืออยู่บนเปียโนหลังจากการร้องขอให้สอนแร็คแมนีนอฟ แนวดนตรีที่พ่อของเขาไม่ถนัด พ่อของเดวิดเล่นไม่ได้จึงจนปัญญา และแสดงความทุกข์ใจผ่านสัญลักษณ์นี้

อาการเครียดของตัวละครนั้นแสดงออกมาในหลายรูปแบบ แม้จะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน อย่างการถ่ายลงในอ่างอาบน้ำอย่างลืมตัวของเดวิด หรือคำพูดที่มีความหมายสื่อถึงความทะเยอทะยานที่เร็วเกินไปจากโรเซ่นครูสอนเปียโนที่มาพูดกับพ่อของเดวิดถึงประตูหน้าบ้านว่า อย่ายัดเยียดให้เดวิดเล่นแร็คแมนีนอฟ “เขายังไม่พร้อม” แสดงให้เห็นว่า พ่อของเขาพร้อมที่จะนำความเป็นเลิศทุกอย่างใส่ลงในตัวของเดวิด ไม่ว่าเดวิดจะอยู่ในภาวะจิตใจที่น่าเป็นห่วงแค่ไหนก็ตาม

หลังจากได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่า อิทธิพลทางจิตใจที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กนั้น สามารถส่งผลมายังปัจจุบันโดยไม่รู้ตัวไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลจาก
พ่อแม่ ครอบครัว จากประสบการณ์ในวัยเด็ก ซึ่งอาจรุนแรงกว่านั้นหากเป็นประสบการณ์ของความคิดที่ถูกเก็บกดจนต้องระบายออกมาในรูปแบบของอาการที่ควบคุมไม่ได้ กรณีของเดวิดนั้นอาจเป็นเพราะดนตรีด้วยส่วนหนึ่ง ที่ไปกระตุ้นความเครียดของเขา บทเพลงที่มีความสามารถที่จะเข้าถึงความรู้สึกและง่ายต่อการสะเทือนอารมณ์ของแร็คแมนีนอฟนั้น คงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับเขา หากประสบการณ์ในวัยเด็กของเขามีแต่สิ่งดีๆ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: