วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

ขุมทองแห่งการสร้างสรรค์ของลูก

ขุมทองแห่งการสร้างสรรค์ของลูก
มานพ ถนอมศรี
พิมพ์ครั้งที่ 2
สำนักพิมพ์ต้นอ้อ
95 หน้า ภาพประกอบ
28 บาท

“เรียนรู้ลูก เพื่อเสริมให้เป็นเด็กฉลาด” เป็นประโยคหลักอันเด่นชัดของหนังสือเล่มบางๆเล่มนี้ หลังจากได้เพ่งพิศทั้งหน้าปกและเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าวๆแล้ว ฉันคิดว่าคงเป็นหนังสือเกี่ยวกับข้อแนะนำการเลี้ยงดูลูกเหมือนกับหนังสือสำหรับผู้เป็นแม่ทั่วไป ด้วยความที่ว่าเสร็จสิ้นจากการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ฉันจึงลองพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กดูบ้าง คงจะผ่อนคลายไม่น้อย

“ขุมทองแห่งการสร้างสรรค์ของลูก” เป็นหนังสือเล่มบางพร้อมกับหน้าปกที่มีรูปประกอบสีสันสดใส ทำให้ฉันรู้สึกชื่นบานขึ้น เปิดอ่านข้างในก็พบกับตัวหนังสืออ่านสบายและรูปประกอบน่ารักตลอดทั้งเล่ม ฉันรู้สึกสนใจหนังสือเล่มนี้มากขึ้นจึงตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้น

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กจริงๆ เพียงแต่กลวิธีการนำเสนอนั้นทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมากกว่าเดิม ผู้เขียนขึ้นต้นเรื่องทั้งหมดว่า “คุณแม่มีความรู้สึกหนักใจมากเมื่อเห็นลูกชายของเธอซึ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่ง ไม่ชอบอ่านหนังสือหรือทำการบ้านที่ครูให้มา” พออ่านจบฉันก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งหรืออย่างไรกันนะ อีกทั้งยังแบ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นตอนๆ ด้วยความสงสัย ฉันใช้เวลาเพียง20นาทีในการซึมซับเรื่องราวของครอบครัวนี้

เนื้อเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่ง มีพ่อ แม่ และลูกชายวัย 4 ขวบ ชื่อ “น้องต้น” น้องต้นเป็นเด็กที่มีลักษณะพิเศษต่างจากเด็กคนอื่นๆทั่วไป น้องต้นชื่นชอบการวาดภาพและศิลปะ แต่ไม่ยอมทำการบ้านและตั้งใจเรียน คุณแม่ที่มีนิสัยขี้บ่นระคนตื่นตระหนก ด้วยความรักลูกมากจึงกังวลใจกับปัญหาที่น้องต้นไม่เรียนหนังสือแต่กลับเอาแต่วาดรูป ร้องเพลงเป็นอย่างมาก ส่วนด้านคุณพ่อผู้แสนใจเย็นและอ่อนโยน กลับเข้าใจและไม่รู้สึกว้าวุ่นใจในการกระทำของลูกชายตัวน้อยซักเพียงนิด คุณแม่จะคอยบ่นถึงการกระทำต่างๆที่ตนมองว่าเป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลา และคุณพ่อจะคอยอธิบายธรรมชาติของเด็กและการกระทำของลูกอย่างใจเย็น จนสุดท้ายทั้งคุณแม่และคุณพ่อก็มีความสุขกับการเรียนรู้และสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของลูกที่มีอย่างเต็มเปี่ยม

จุดมุ่งหมายในการแต่งและข้อคิดดีๆว่าด้วยการเลี้ยงดูลูก เรียนรู้ลูก และเข้าใจธรรมชาติของลูกนั้น สอดแทรกอยู่ในเรื่องราวของครอบครัวที่น่ารักนี้ ประหนึ่งเป็นเรื่องสั้นที่ชวนเพลิดเพลินเรื่องหนึ่ง ซึ่งฉันเองได้รับความอิ่มเอมใจและสดชื่นขึ้นเมื่ออ่านจนถึงบทสรุป ทั้งยังรู้สึกเอ็นดูเด็กมากขึ้นมาทีเดียว ผู้แต่งใช้ภาษาที่เรียบง่าย ร้อยเรียงสิ่งที่ต้องการจะสื่อเป็นเรื่องราวได้อย่างลงตัว ทำให้ไม่รู้สึกตึงเครียดเหมือนอ่านหนังสือวิชาการทั่วไป ในเนื้อเรื่องทั้งเรื่องจะเน้นเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก และเน้นในด้านศิลปะอันสวยงามที่หล่อหลอมและพัฒนาเด็กอย่างสมบูรณ์ ผู้เขียนเพียงอยากให้พ่อแม่ที่มีลูกในวัยที่กำลังมีการพัฒนาสมองนั้นอย่าปิดกั้นความคิดเด็ก และตีกรอบความคิดของเด็กมากเกินไป เพราะในวัยนี้เด็กจะแสดงออกถึงความชอบ และความคิดได้อย่างอิสรเสรี พ่อแม่ด้วยความรักลูกมากก็จะคอยประคบประหงมลูกมากเกินไป จนบางครั้งความรักนี้อาจทำลายลูกของตนอย่างไม่รู้ตัว ผู้แต่งมองเห็นถึง ธรรมชาติของเด็ก เข้าใจความรู้สึกของเด็กอย่างลึกซึ้ง และตระหนักถึงปัญหาอันบอบบางนี้ ฉันเองรู้สึกสะเทือนใจต่อเด็กและรู้สึกรับรู้ถึงข้อความที่ผู้แต่งสื่อออกมาอย่างเปี่ยมล้น ด้วยความสนใจในความพิเศษของหนังสือเรื่องนี้ และประทับใจในความคิดของผู้แต่ง ฉันจึงพลิกหนังสือมองหาชื่อผู้แต่งอย่างตื่นเต้น

“มานพ ถนอมศรี” หรือ อาจารย์ มานพ ถนอมศรี หลายคนคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่รู้จักท่าน ท่านเป็นนักเขียนมืออาชีพที่สร้างสรรค์ผลงานไว้มากมาย อีกทั้งยังหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี เรื่องสำหรับเด็ก วรรณกรรมเยาวชน บทความศิลปะ ท่านกล่าวไว้ว่า “มีอันเดียวที่ไม่เขียน คือ กลอน” ด้วยความที่ท่านเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือหลายรูปแบบมาก และทำได้ดีในทั้งหมด รางวัลที่การันตีผลงานของท่านนั้นมีไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2539 จากสำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่น ว. ณ ประมวลมารค ได้รับรางวัลจากการประกวดหนังสือของคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประเภทหนังสือสารคดี และหนังสือสำหรับเด็กอีกหลายปี รวม 8 รางวัล อีกทั้ง ท่านยังได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษและวิทยากรของกระทรวงศึกษาธิการ และมหาวิทยาลัยต่างๆอีกด้วย ปัจจุบันนี้ อาจารย์มานพ ทำอาชีพเขียนหนังสือและเป็นนักบรรณาธิการหนังสือ

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นแค่หนังสือเล่มบางๆที่มองผิวเผินแล้วอาจเป็นเพียงหนังสือสำหรับผู้เป็นแม่ธรรมดาเล่มหนึ่ง แต่ฉันผู้ซึ่งยังไม่มีโอกาสสัมผัสความเป็นแม่ หรือการมีเด็กน้อยเป็นของตนมาก่อนนั้น เมื่อได้อ่านแล้วยังตระหนักได้ถึงเพียงนี้ แล้วคุณแม่คนอื่นๆล่ะ พร้อมที่จะให้ลูกของท่านเติบโตมาเป็นเด็กฉลาดด้วยความรักความเข้าใจอันแท้จริงหรือเปล่า

ฉันอยากให้หนังสือเล่มนี้อยู่ในมือของผู้ที่กำลังเป็นแม่ หรือ ผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ทุกท่าน ฉันมั่นใจในสาระดีๆและผลสำเร็จที่จะบังเกิดกับทุกครอบครัว และอยากจะแสดงความยินดีกับเด็กน้อยทุกคนที่ได้รับการเอาใจใส่และโอบอุ้มด้วยความรักอย่างมีเหตุผล โตขึ้นมาฉลาดเฉลียว สดใสร่าเริง เต็มไปด้วยจิตนาการอันมีศิลปะ จากแนวคิดของหนังสือเล่มนี้ …“ขุมทองแห่งการสร้างสรรค์ลูก” ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

กชพรรณ

ไม่มีความคิดเห็น: