วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เทวากับซาตาน



เทวากับซาตาน
ผู้เขียน : แดน บราวน์
ผู้แปล : อรดี สุวรรณโกมล
และอนุรักษ์ นครินทร์
ปีที่พิมพ์ : 2547
แพรวสำนักพิมพ์
จำนวน 599 หน้า
ราคา 345 บาท

หลายคนรู้จักแดน บราวน์ จากหนังสือชื่อดัง “ รหัสลับดาวินชี ” ซึ่งต่อมาหนังสือเล่มนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อว่า “ The Da Vinci Code : รหัสลับ ระทึกโลก ” สำหรับแฟนนักอ่านของแดน บราวน์ที่ติดใจในเรื่องราวของสมาคมลับ การถอดรหัส และการตีความบทกวีโบราณ จาก “ รหัสลับดาวินชี ” แล้ว จะต้องไม่พลาด “ เทวากับซาตาน ” อย่างแน่นอน

“ เทวากับซาตาน ” เป็นหนังสือที่แดน บราวน์ เขียนขึ้นมาก่อน “ รหัสลับดาวินชี ” แต่กลับได้ตีพิมพ์ทีหลัง หนังสือ“ เทวากับซาตาน ” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือแนวลึกลับที่ไม่สามารถวางมืออ่านได้ และยังเป็นหนังสือต่างชาติที่ขายดีที่สุดอีกด้วย

“ เทวากับซาตาน ” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรเบิร์ต แลงดอน ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณ์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถูกโทรศัพท์มารบกวนในเวลาเช้ามืด ปลายสายบอกว่า ชื่อ แมกซีมีเลียน โคห์เลอร์ ต้องการตัวแลงดอนด่วน แลงดอนบอกปฏิเสธไปในตอนแรก แต่ก็เปลี่ยนใจเนื่องจากโคห์เลอร์ได้ส่งแฟกซ์รูปถ่ายรูปหนึ่ง เป็นรูปที่ทำให้แลงดอนเปลี่ยนใจ คือ รูปคนตายที่ศีรษะถูกบิดจนหันกลับไปด้านหลัง ที่หน้าอกของผู้ตายถูกประทับตราคำว่า “ อิลลูมินาติ ”

อิลลูมินาติ หมายถึง ผู้รู้แจ้ง เป็นกลุ่มภราดรโบราณ เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งในกรุงโรมลุกขึ้นมาต่อต้านคริสตจักร เนื่องจากนิโคลัส โคเปอร์นิคัส ถูกคริสตจักรฆ่าฐานเปิดเผยความจริงทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มบุคคลผู้มีความรู้สูงสุดในอิตาลีส่วนหนึ่ง ทั้งนักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ เริ่มลักลอบพบปะกันเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับคำสอนที่ไม่ถูกต้องคริสตจักร คนเหล่านี้เกรงว่า การที่คริสตจกัรผูกขาดการเสนอ “ ความจริง ” แต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นการคุกคามต่อความรู้แจ้งทางวิชาการทั่วโลก พวกเขาจึงได้ก่อตั้งกลุ่มผู้เชียวชาญทางวิทยาศาสตร์ขึ้นเป็นกลุ่มแรกของโลก และเรียกตนเองว่า “ ผู้รู้แจ้ง ”

แลงดอนเล่าเรื่องนี้ให้โคห์เลอร์ ฟัง เมื่อเขามาถึงศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ หรือ เซิร์น ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ โคห์เลอร์ได้เล่าเรื่องมากมายให้แลงดอนฟัง ทั้งการคิดค้น “ เวิร์ลด์ ไวด์ เว็บ ” และผลงานต่างๆอีกมากมาย เมื่อถึงที่เกิดเหตุ แลงดอนก็ยิ่งประหลาดใจกับภาพที่เห็นยิ่งกว่าในรูปถ่ายที่ได้รับ และมีบางสิ่งบางอย่างได้ถูกขโมยไปจากศพ นั่นก็คือ ดวงตาของศพนั่นเอง
ต่อมา วิกโตเรีย เวตรา ลูกสาวบุญธรรมของผู้ตายได้มาถึงเซิร์น วิกโตเรียได้ซักถาม

แลงดอนและโคห์เลอร์เกี่ยวกับการตามของพ่อว่าใครเป็นคนทำ ในตอนแรกโคห์เลอร์ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร แต่พูดแกมบังคับให้วิกโตเรียพาทั้งสองไปดูว่า พ่อของหล่อนกำลังทดลองสิ่งใดอยู่ หล่อนพาไปที่ห้องทดลองพร้อมกับบอกว่า พ่อของหล่อนกำลังทดลองเกี่ยวกับ ทฤษฏีบิ๊กแบง พ่อของหล่อนได้สร้าสงสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสสารขึ้นมา เรียกว่า “ ปฏิสสาร ”

ปฏิสสารนี้เอง ทำให้แลงดอนและวิกโตเรียต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมพระคาร์ดินัล ที่เป็นตัวเก็งในการรับตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ทั้งสองคนต้องเดินทางไปทั่วนครรัฐวาติกัน เพื่อไขปริศนาว่าใครเป็นผู้ฆ่าพ่อของวิกโตเรียและพระคาร์ดินัล รวมทั้งการหาปฏิสสารที่ถูกขโมยไปจากห้องทดลอง ก่อนที่มันจะระเบิดทำลายนครรัฐวาติกันให้เป็นผุยผง

“ เทวากับซาตาน ” เป็นหนังสือที่ตอนแรกข้าพเข้าไม่คิดจะอ่าน เพราะเพื่อนแนะนำว่า ใครที่อ่าน “ รหัสลับดาวินชี ” ไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ควรอ่าน “ เทวากับซาตาน ” ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ซื้อมา เพราะว่ากลัวอ่านไม่รู้เรื่อง แต่ในที่สุดข้าพเจ้าก็ซื้อมาอ่าน และคิดไม่ผิดเลย เพราะเนื้อหาในเล่ม ทั้งเข้มข้นกว่า สนุกกว่า เร้าใจกว่า มีปริศนาลึกลับมากกว่า “ รหัสลับดาวินชี ” อีกทั้งหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ผู้อ่านหนังสือแนวลึกกับและแนวสืบสวนสอบสวน ที่ไม่ควรมองข้าม



ฉัตรแก้ว ธำรง

1 ความคิดเห็น:

หนุ่มอักษร...นอนตื่นสาย กล่าวว่า...

เล่าเรื่องตอนแรกเยอะไปหน่อยครับ แต่ก็ยังดีที่จบก่อนจะถึงตอนลุ้น