วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

SHINE

ชัชลัย

ภาพยนตร์เรื่อง SHINES เป็นภาพยนตร์ของประเทศออสเตรเลีย เข้าฉายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 ซึ่งเขียนบทและกำกับบทภาพยนตร์โดย สก็อต ฮิค ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมายหลากหลายสาขา เช่น ในปี ค.ศ.1997 ได้รางวัลออสการ์ประเภทดารานักแสดงนำยอดเยี่ยม และในปีเดียวกันนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง6 สาขาด้วยกัน ในปี ค.ศ.1998 ชนะรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ประเทศออสเตรเลีย และมีรางวัลอื่นๆที่สามารถรับรองถึงความมีคุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้มากมาย

เดวิดเด็กหนุ่มซึ่งหลงใหลในการเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อของเขาที่ให้กำลังใจอยู่ข้างๆเสมอ วันหนึ่งที่เดวิดแพ้การแข่งขันเปียโนได้ถามพ่อว่า “พ่อครับพ่อสอนผมเล่นได้ไหม” เป็นคำพูดที่ทำให้พ่อตัดสินใจไปหาครูเพื่อมาสอนเดวิด เดวิดเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนเป็นอย่างมาก เมื่อมีครูมาคอยชี้แนวทางเขาก็สามารถเล่นเปียโนได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ จนครูของเขาบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ความพยายามในการเล่นเปียโนของเดวิดส่งผลให้เดวิดได้รับการเสนอทุนให้ไปเรียนดนตรีที่อเมริกา แต่ไม่ยอมให้เดวิดไป โดยพ่อบอกว่าไม่ต้องการให้สิ่งใดมาทำลายครอบครัวของเขาอีก

เดวิดได้พบกับแคทรีนนักแต่งหนังสือระดับแนวหน้า แคทรีนเป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจและชี้แนวทางให้แก่เดวิดเสมอ จนสุดท้ายเดวิดตัดสินใจไปอังกฤษตามที่เขาได้รับเสนอทุนมาเป็นครั้งที่สอง เดวิดต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเพียงลำพัง โดยการเดินทางในครั้งนี้พ่อของเขาคัดค้านอย่างถึงที่สุด และได้ยื่นคำขาดว่าหากเดวิดตัดสินใจรับทุนก็อย่ากลับมาหาครอบครัวนี้อีก แต่เดวิดก็เลือกที่จะทำตามความฝันของตัวเขาเองโดยมีแคทรีนเป็นผู้สนับสนุนการตัดสินใจของเขา


ในขณะที่เดวิดใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน เขาพยายามตั้งใจฝึกซ้อมการเล่นเปียโนอย่างเต็มที่โดยเพลงที่เขาตั้งใจจะเล่นให้ได้คือ เพลงแร็คแมนีนอฟ ซึ่งพ่อเขาเองก็ต้องการให้เขาเล่นเหมือนกัน เดวิดสามารถชนะเลิศการประกวดด้วยเพลงนี้จนได้ แต่ยังไม่สิ้นเสียงปรบมือ เขาก็ล้มลงบนเวที หลังจากนั้นเดวิดต้องพักรักษาตัวอยู่เป็นเวลานานและหมอได้สั่งห้ามเขาเล่นดนตรีอีก

หลังจากที่เดวิดออกมาจากโรงพยาบาลเดวิดก็ได้ไปเล่นเปียโนอยู่ที่ร้านอาหาร และเขาก็ได้กลับไปแสดงคอนเสิร์ตอีกครั้ง โดยในตอนนี้เขามีภรรยาที่คอยดูแลเขาอยู่ตลอดซึ่งเป็นเพื่อนของซิลเวีย เพื่อนเก่าของเดวิดที่เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เดวิดไปเล่นเปียโน ตลอดเวลาที่เขาป่วยเขาได้พยายามติดต่อพ่อเขาตลอดแต่พ่อเขากลับยังไม่ให้อภัย

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการเปิดเรื่องแบบที่นำเนื้อหาในช่วงกลางของเรื่องมาเล่าก่อน แล้วจะค่อยๆกล่าวให้รู้ว่าตัวละครเหล่านั้นเป็นใครไปเรื่อยๆ เป็นการดำเนินเรื่องจากช่วงกลางแล้วเล่าย้อนไปในตอนต้น จนกลับมาเจอช่วงเดิมแล้วจึงเล่าเรื่องต่อไป ฉากในเรื่องนี้จะมีความเศร้าปนอยู่ตลอด แสงและสีที่สื่อออกมาจะสะท้อนให้เห็นถึงความหม่นหมองทั้งของพ่อและเดวิด เกือบทุกฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเปียโนเป็นส่วนประกอบเสมอทำให้เห็นว่า เปียโนมีความสัมพันธ์กับความขัดแย้ง และเรื่องราวต่างๆเสมอ

ความขัดแย้งของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่ความแตกต่างกันของทรรศนะคติของพ่อและลูก โดยพ่อคิดว่าครอบครัวคือชีวิต ส่วนเดวิดถือว่าชีวิตของเขาคือเปียโน ตลอดในช่วงต้นของเรื่องพ่อเขาจะย้ำกับเดวิดอยู่เสมอว่า เขาโชคดี เขาเกิดมาบนความโชคดี เช่น เดวิดโชคดีที่มีครอบครัว และโชคดีที่ได้เล่นดนตรี ตรงข้ามกับตัวของพ่อที่ไม่มีครอบครัว ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อและแม่ของเขาจากไปอย่างไร ไวโอลินที่เขาต้องการจะเล่นก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากปู่ ซึ่งพ่อได้ย้ำเรื่องพวกนี้กับเดวิดมาโดยตลอด เดวิดเองก็จะตอบรับทุกครั้งว่าผมรู้ครับว่าผมเกิดมาโชคดี

เดวิดเป็นคนที่มีความเก็บกดทางด้านอารมณ์อย่างมาก สังเกตได้จากการที่เดวิดชอบจับหน้าอกผู้หญิงก็น่าจะมาจากการที่เขาต้องการจะระบายออกทางอารมณ์ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความคุ้นเคยกับผู้หญิงเนื่องจาก เขาและแม่ดูเหมือนจะไม่สนิทกันเท่าไหร่ มีแต่พ่อที่คอยดูแลมาตลอด และแม่ก็ปรากฏพียงแค่ในช่วงต้นของภาพยนตร์เท่านั้น และแว่นตาของเขาที่ไม่ว่าจะหล่นจะแตกอย่างไร เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยน อีกทั้งตอนที่เขาถูกห้ามไม่ไห้ไปอเมริกา แล้วเขาไปถ่ายในอ่างอาบน้ำ ทั้งๆที่น้ำนั้นจะต้องให้พ่อใช้ต่อ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการที่จะต่อต้านพ่อ เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์จะไม่พูดจาก้าวร้าวเพื่อเป็นการต่อต้าน เดวิดมีความผูกพันกับแคทรีนอย่างมาก เขาจึงเก็บถุงมือที่แคทรีนให้ไว้ตลอด แม้ขณะเล่นเปียโนเขายังต้องการที่จะใส่ถุงมือคู่นั้นไว้ เขาจึงตัดส่วนนิ้วของถุงมือออกเพื่อที่จะได้เล่นถนัดขึ้น เดวิดจะระบายอารมณ์อย่างเต็มที่เมื่อเขาได้เล่นเปียโน ทำให้เขาสามารถเล่นเพลงยากๆ และเข้าถึงเพลงเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

พ่อเป็นตัวละครที่มีปมหลังแฝงอยู่ เขาเป็นผู้ที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น เขาจึงต้องการสร้างครอบครัวใหม่ของเขาเองที่เต็มไปด้วยความรัก การที่พ่อเขาพยายามทำตัวแข็งพูดจาแข็งกร้าว ไม่แสดงท่าทีอ่อนโยนอกมา เพราะว่าต้องการปิดบังความอ่อนแอลึกๆของเขาเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วพ่อยังคงเป็นห่วงเดวิด เพราะว่าเขายังคงเอาโน้ตเพลงที่เดวิดเล่นมาเปิดดู ยังคงดูรูปในสมัยก่อนอยู่เสมอ

จุดที่เปลี่ยนความรู้สึกในเรื่องมีหลายช่วงและในแต่ละช่วงจะมีตัวแสดงตัวใหม่มาช่วยดำเนินเรื่อง แต่จะยังคงมีเดวิดและพ่อเป็นตัวละครหลักอยู่ เช่น ตอนที่เดวิดได้รับทุนไปอเมริกาแล้วพ่อไม่ให้ไป ทำให้เดวิดเกิดการต่อต้านและเจอแคทรีน เดวิดฝืนคำสั่งพ่อรับทุนไปเรียนที่โรงเรียนดนตรีที่อังกฤษเดวิดได้เจอครูที่คอยสนับสนุนการเล่นเปียโนของเขา และได้พบเพื่อน ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มแรกของเดวิด การที่เดวิดชนะการประกวดแต่ไม่ทันได้เห็นความสำเร็จก็ต้องป่วยหนัก แต่เขาก็ได้เจอซิลเวียผู้เป็นเพื่อนแท้ของเขา

ปิดเรื่องที่สุสานของพ่อ แสดงให้เห็นว่าแม้เดวิดจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยตัวเขาเองแล้ว แต่สุดท้ายเบื้องหลังที่เป็นกำลังใจ และเป็นผู้ที่เขาคิดถึงอยู่เสมอก็คือ พ่อของเขา ไม่ว่าจะอย่างไรพ่อจะยังคงอยู่ในใจตลอดไป เขาไม่เคยโกรธในสิ่งที่พ่อทำเลยสักครั้งเดียว

ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วจะรู้สึกหนักๆ เครียดๆ แต่จะมีการเดินเนื่องที่ต่อเนื่อง สร้างความอยากรู้อยู่ตลอด อีกทั้งเลือกใช้นักแสดงที่มีความสามารถทางการแสดงเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนสนใจและอยากที่จะติดตาม ยิ่งช่วงที่เดวิดไม่สบาย นักแสดงเล่นได้เก่งจนทำให้เชื่อว่าเขาป่วยจริงๆ และอยากจะรู้ต่อว่าเมื่อเขาป่วยแล้วเขาจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ตัวละครใหม่ๆที่เข้ามา ช่วยทำให้เกิดความสนใจว่าคนเหล่านั้นจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องบ้าง แล้วความขัดแย้งของเดวิดและพ่อที่เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงต้นนั้น สุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร เรียกได้ว่าเรื่องนี้เด่นที่ตัวละคร และบทของเรื่องจริงๆ จนบางครั้งลืมที่จะสนใจฉากรอบด้าน หรือเพลงประกอบต่างๆไปเสียหมด


05490100

ไม่มีความคิดเห็น: