วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine เจิดจรัส ทอแสงที่ปลายนิ้ว

ชนิตา


Shine คือชื่อภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ ประจำปี1997 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่งเนื้อเรื่องของ shine มีอยู่ว่าเดวิด เฮลฟ์ก็อตต์ เป็นลูกชายคนโตของบ้าน โดยบ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีพ่อ แม่ และน้องสาวอีกสามคน เขามีพรสวรรค์ด้านการเล่นเปียโนอย่างไม่น่าเชื่อ ปีเตอร์ เฮลฟ์ก็อตต์ หรือพ่อของเขาเอง คือคนที่ปลูกฝังการเล่นเปียโนให้กับเขาทั้งยังเป็นครูคนแรกของเขาอีกด้วย ปีเตอร์มักจะสอนเดวิดเสมอในเรื่องของการเอาตัวรอด และการเอาชนะ ทุกครั้งที่เดวิดต้องแข่งขันเปียโน ผลที่พ่อของเขาคาดหวังเสมอคือ ชัยชนะ เขาได้รับความกดดันแต่ก็ไม่เคยโต้เถียงปีเตอร์เลยสักครั้ง จนกระทั่ง เขาได้รับทุนไปศึกษาต่อที่อเมริกาด้วยความสามารถด้านเปียโนที่เขามี ทำให้เกิดการโต้เถียงกันครั้งใหญ่ระหว่างพ่อและเขา เขาเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาต่อแม้พ่อจะยื่นคำขาดว่า ถ้าไปแล้วไม่ต้องกลับมา และจะถือว่าเดวิดไม่ใช่คนในครอบครัวอีกต่อไป


เมื่อเขาไปถึงอเมริกา เขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขาได้พบกับประสบการณ์หลากหลาย ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ โดยที่ไม่มีพ่อคอยห้ามปราม เขาได้เรียนเปียโนต่อไปตามที่ใจต้องการกับครูเปียโนชั้นยอด เขาขอร้องให้ครูสอนเพลง แรคมานีนอฟให้กับเขา เพราะเป็นเพลงที่พ่ออยากให้เขาเล่นให้ได้ แม้มันจะยากแสนยากก็ตาม


ในที่สุดเขาก็เลือกเพลงนี้ในการแข่งขัน เขาทำสำเร็จแต่ทุกอย่างดับวูบ เพราะทันทีที่เขาเล่นเพลงนี้จบ เขาล้มลงหัวฟาดพื้นหมดสติ หลังจากนั้นเขาต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทางจิตที่มีที่มาจากการเล่นเปียโน แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด เพราะเขาได้พบกับซิลเวีย หญิงสาวผู้ใจดี ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวแปรที่ทำให้เขาพบกับกิลเลียน ผู้หญิงอีกคนที่ต่อมาได้กลายมาเป็นคู่ชีวิตของเขานั่นเอง


Shine เปิดเรื่องด้วยใบหน้าหันข้างของชายมีอายุคนหนึ่งที่กำลังพูดอะไรบางอย่างที่จับใจความไม่ได้ เขาพูดรัวและซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งการเปิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้เราสามารถเดาได้ว่า เรื่องราวที่จะกล่าวต่อไปต้องเกี่ยวข้องกับคนๆนี้อย่างแน่นอน อย่างเช่น ภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง Amelie ที่มีการเปิดเรื่องแบบเดียวกัน


เดวิด เฮลฟ์ก็อตต์ คือตัวละครหลักและมีบทบาทมากที่สุดในเรื่อง นามสกุลของเขามีการเล่นคำ คือ Helfgott ที่มีช่วงหนึ่งในภาพยนตร์พบว่า เขาแนะนำตัวเองโดยบอกว่านามสกุลของเขานั้นตลกเพราะสามารถออกเสียงว่า Helpgod ที่แปลว่าพระเจ้าช่วย ก็ได้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพ่อของเขา(และครอบคลุมไปทั้งครอบครัว)ไม่ได้นับถือสาสนาใดชัดเจน การที่จะขอร้องให้พระเจ้าช่วยจึงเป็นไปไม่ได้ มันจึงดูน่าตลกที่คนไม่มีศาสนานามสกุลเฮลฟ์ก็อตต์ แม้จะเขียนคนละแบบก็ตาม


เดวิด เป็นตัวละครที่มีความกดดันโดยสื่อสารให้เห็นจากลักษณะท่าทางที่เงียบขรึม ขี้อาย ไม่ค่อยสบตาผู้คน และท่าทางการนอนที่มักจะนอนขดตัว งอเข่า ซึ่งเป็นท่าทางที่แสดงออกถึงความต้องการการปกป้องดูแลเหมือนทารกที่ขดตัวอยู่ในครรภ์มารดา สาเหตุของความกดดันก็มาจากพ่อของเขาที่มักจะสั่งสอนในเรื่องที่เด็กคนหนึ่งเกินจะรับไว้ เช่น เรื่องชัยชนะที่ต้องได้รับทุกครั้งเมื่อแข่งขัน การปิดตัวเองให้มีแต่สังคมภายในบ้านเท่านั้น ไม่ใช่แค่เดวิดเท่านั้นแต่กับลูกทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม เห็นได้จากฉากที่น้องสาวของเขาแอบคุยกับเพื่อนนอกรั้ว พ่อของเขาจึงหาไม้มาปิดรั้วไว้ ไม่ให้ใครลอดออกไปได้อีก


ความกดดัน เป็นเรื่องที่จะต้องขอกล่าวถึงเพราะเป็นที่มาของหลายๆอย่างในเรื่องนี้ เริ่มจากตัวแปรหลักที่ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างตึงเครียด คือ ปีเตอร์ เฮลฟ์ก็อตต์ พ่อของเดวิด ที่มักจะกะเกณฑ์ทุกสิ่งทุกอย่างให้กับลูกๆ โดยเฉพาะเดวิด เหตุเพราะปีเตอร์ได้รับความกดดันมากจากพ่อของเขาอีกทอดหนึ่งเรื่องการเล่นดนตรี ทำให้เขาไม่ได้เล่นดนตรีอย่างที่ใจรัก จึงมาลงที่เดวิด ลูกชายคนเดียวของเขา คนที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเอง เขาสอนให้เดวิดรู้จักการเอาตัวรอดอย่างผู้ชนะ หรือสอนเรื่องความเป็นส่วนตัวและมักจะพูดพร่ำเสมอเรื่องครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการบังคับวิถีทางการดำเนินชีวิตของสมาชิกภายในบ้าน เพราะเหตุนี้ เขาจึงผิดหวังอย่างรุนแรงที่เดวิดเลือกที่จะไปอเมริกา เขาตัดสินใจตัดขาดจากเดวิดอย่างสิ้นเชิง เห็นได้จาก เขาหยิบสมุดบันทึกเรื่องราวที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์ที่ลงเรื่องราวของเดวิดมาฉีกทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขามักจะเอามันออกมานั่งดูและชื่มชมด้วยความยินดีปรีดา


นอกจากนั้นความกดดัน ยังส่งผลให้ชีวิตของเดวิดพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะจากคนที่ชื่อเสียงและมีพรสวรรค์ทางด้านเปียโนอย่างหาตัวจับยาก กลับกลายเป็นคนไม่สมประกอบทางสติและถูกสั่งห้ามข้องเกี่ยวกับเปียโนอีกเลย ผลที่เขาได้รับมันช่างยุติธรรมเสียเหลือเกินกับการทุ่มเทการฝึกซ้อมให้กับเพลงที่พ่อรักและต้องการให้เขาเป็นผู้ถ่ายทอด แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงหลงเหลือความทรงจำที่ดีที่เกี่ยวกับเปียโน ทุกครั้งที่เขาเห็นเปียโน เขาต้องดึงดันที่จะได้สัมผัสกับมันให้ได้ และเขาก็ยังคงทำได้ดีและน่าทึ่งเสมอ ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาแปลกใจกับการกระทำของเขาว่าทำไมคนแบบเขาถึงเล่นเปียโนได้เลิศเลอถึงเพียงนี้ นอกจากเปียโน การพูดของเขาก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขาคิดถึงและจดจำในสิ่งที่พ่อสั่งสอนเสมอ เขามักจะพูดซ้ำๆเกี่ยวกับการเอาชนะและการเอาตัวรอด


ในวันที่เขาเปลี่ยนไปแต่ทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง พ่อกลับมาหาเขาที่ห้องพักหลังจากที่ไม่เคยคิดที่จะตอบจดหมายเขาซักฉบับเดียว พ่อนำเหรียญทอง เหรียญรางวัลแห่งความภาคภูมใจมาให้เขา แววตาของปีเตอร์ยังคงเปี่ยมด้วยความรัก เขารู้สึกผิดพลาดกับการกระทำทุกอย่างของตนเอง เขาสำนึกได้แล้วว่า เพราะเขาเอง เดวิดถึงได้เป็นเช่นนี้ เขาเลือกที่จะถอยหลังออกจากห้องไปช้าๆ ซึ่งเดวิดก็ไม่คิดที่จะก้าวออกจากห้องเพื่อไปตามหาพ่อของเขา พอแล้วสำหรับที่ผ่านมา เขารับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่พ่อมีให้ แต่วันนี้เขาสามารถเอาตัวรอดได้อย่างที่พ่อสอนแล้ว


ในฉากที่พ่อมาหาเขาที่ห้อง พ่อสวมแว่นตาที่หักกลางแต่ติดเทปใสเพื่อเชื่อมเอาไว้ เขาเลือกที่จะซ่อมแซมมันเอง เขายังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่มักจะพึ่งตนเองไม่สุงสิงกับใคร แว่นก็เหมือนกับจิตใจของพ่อในตอนนั้น เขาเลือกที่จะยังใช้ของมีตำหนิ เลือกที่จะมองข้ามในสิ่งที่ผิดพลาด เขาเลือกที่จะให้อภัยลูกชายของเขา


เรื่องราวดำเนินมาจนท้ายเรื่องและจบลงที่หลุมศพ เดวิดกับภรรยาของเขามาหาพ่อด้วยกัน พ่อนอนสงบอยู่ใต้พื้นดิน แต่เขายังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไปโดยมีกิลเลียน ภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งของเขาอยู่เคียงข้างและคอยดูแลกันทุกยามทุกข์และสุข


ยิ้มทั้งน้ำตา เป็นคำที่อธิบายได้ครอบคลุมทั้งหมดของความรู้สึกของดิฉัน ยิ้มให้กับเรื่องราวที่แสนจะน่าประทับใจในตัวเดวิด เฮล์ฟก็อตต์ ยิ้มให้กับความโชคดีของเขาเรื่องพรสวรรค์อย่างที่พ่อของเดวิดพูดเสมอว่า เดวิดคือเด็กชายผู้โชคดี และน้ำตาที่มีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้แบ่งเป็นสองช่วงคือ ฉากที่เดวิดถูกพ่อสั่งห้ามไปเรียนต่อที่อเมริกาและเศร้าใจกับชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับเดวิด ส่วนการเสียน้ำตาอีกครั้งหนึ่ง คือ ตอนที่พ่อของเขามาหา ตัวละครทั้งสองสื่อสารอารมณ์ออกมาได้ชัดเจน เดวิดยังคงเป็นเด็กน้อยเสมอในสายตาของผู้เป็นพ่อ และพ่อ ชายผู้เคยทำความผิดพลาดและสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไว้กับลูกชายนั้นได้ให้อภัยลูกชายของเขาแล้วเช่นกัน


ความประทับใจที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลายมุมหลายฉาก แต่ที่ประทับใจที่สุดคงเป็นฉากที่เดวิดขอกิลเลียนแต่งงาน วินาทีนั้นกิลเลียนปฏิเสธ เธอไม่ได้รังเกียจเดวิด แต่เพราะเธอมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว สุดท้ายเธอเลือกที่จะถอนหมั้นและเข้าพิธีแต่งงานกับเดวิด ชายผู้ไม่เพรียบพร้อมแต่สวยงามทางด้านจิตใจ


ขอขอบคุณตัวละครทุกคนโดยเฉพาะ เดวิด ที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าประทับใจ และให้แง่คิดต่างๆมากมาย ก่อเกิดเป็นกำลังใจให้มีแรงต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาอีกนานัปการที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้เพียงใดก็ตาม นอกจากรางวัลรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์แล้ว Shine ยังได้รับรางวัลภาพยนตร์สร้างสรรค์กำลังใจยอดเยี่ยมจากดิฉันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: