วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

shine…โชคดีที่สวรรค์ ไม่ลำเอียง

จินตญา

ในวันที่ฝนพรำ ชายคนหนึ่งมีลักษณะท่าทางแปลกๆ พูดคนเดียว ซึ่งการพูดนั้นไม่สามารถจับเนื้อหาใจความได้ เขากำลังวิ่งอยู่กลางถนนและหยุดยืนที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

หนังได้เล่าย้อนไปในวัยเด็กของเดวิด ซึ่งเขาถูกบิดาเคี่ยวเข็ญให้ฝึกเล่นเปียโนอย่างหนัก เพื่อต้องการให้เขาชนะการประกวดในการแข่งขันรายการต่างๆ แม้จะเป็นเพลงที่ยากๆเขาก็สามารถเล่นได้ จนได้รับรางวัลชนะเลิศและได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศอเมริกา แต่พ่อของเขากลับไม่ยินยอม

เมื่อเวลาผ่านไปเดวิดก็ได้รับจดหมายเชิญให้ไปศึกษาต่ออีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อโดยไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อ และนั่นกลับเป็นเหตุให้เขาถูกตัดพ่อตัดลูกกัน และไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้อีกเลย ระหว่างอยู่ที่ต่างประเทศนั้น แม้ว่าเดวิดจะส่งจดหมายกลับไปหาพ่อหลายฉบับแต่เขาก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับมาแม้แต่สักครั้งเดียว

เดวิดจึงหันมาฝึกซ้อมการเล่นเปียโนอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เขาสามารถเล่นเพลงที่ยากที่สุดที่พ่อเคยบังคับให้เขาเล่นจนได้ และจากการฝึกซ้อมอย่างหนักนี้เองทำให้เขาสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศได้ในงานประกวดของมหาวิทยาลัย แต่หลังจากการบรรเลงจบลง เขาก็หมดสติล้มลงบนเวที ในภายหลังเขาถูกห้ามเล่นเปียโนโดยเด็ดขาด เพราะแพทย์กลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์อาจทำให้อาการกำเริบได้

วันหนึ่งในขณะที่ฝนตก เขาเดินไปตามถนนและเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วได้เล่นเปียโนซึ่งตั้งอยู่ในร้านแห่งนั้น ด้วยความสามารถที่เขามีทำให้เขาได้เป็นนักดนตรีประจำร้าน เดวิดได้พบกับพ่ออีกครั้ง แม้ว่าพ่อจะให้อภัยและอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ แต่เขากลับพอใจกับสภาพชีวิตที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ทำให้พ่อของเขารับไม่ได้กับพฤติกรรมเหล่านี้ จึงตัดสินใจเดินจากไป

ไม่นานนักเขาได้พบรักกับกิลเลี่ยน หญิงสาวซึ่งมีอาชีพเป็นหมอดู และทั้งสองได้แต่งงานกันในที่สุด จากความรักและความเข้าใจจากกิลเลี่ยนและครอบครัว ทำให้เขากลับมาสร้างชื่อเสียงในด้านการเล่นเปียโนอีกครั้ง เขาสามารถเอาชนะใจแม่และน้องสาวได้จากการแสดงคอนเสิร์ตในครั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่พ่อของเขาจากไปก่อนที่จะได้เห็นความสำเร็จของลูกชาย

ภาพยนตร์เรื่องพยายามสื่อถึงผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มนุษย์ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติทางด้านจิตใจหากถูกบีบบังคับมากจนเกินไป เช่น จากตอนที่เดวิดเป็นเด็กนั้นเขาถูกบังคับให้เล่นเปียโน ซึ่งบางเพลงเป็นเพลงที่ยากมากเกินกว่าที่เด็กอย่างเขาจะสามารถเล่นได้ แต่พ่อก็บังคับให้เขาต้องทำให้ได้ และจากสภาพครอบครัวที่กดดัน ผู้เป็นพ่อไม่ยอมเปิดรับโลกภายนอก ไม่ยอมให้เพื่อนของลูกๆมาที่บ้าน สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ทำให้เดวิดกลายเป็นเด็กเก็บกด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก และอาการก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้หนังยังพยายามสื่อถึงความผิดปกติทางจิตของเดวิดตอนที่เขามาอาศัยอยู่ใน อพาร์ทเมนท์คนเดียว และกำลังลงมาเอาของที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง แต่เขากลับไม่ใส่กางเกงลงมา ซึ่งภาพยนตร์กำลังสื่อว่าเขามีความผิดปกติทางด้านจิตใจ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่วิสัยของคนปกติ

ภาพยนตร์ยังแสดงให้เห็นว่าครอบครัวมีส่วนสำคัญที่ทำให้เดวิดเป็นอย่างนี้ เพราะเขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่การใช้อารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผล ซึ่งพ่อมีส่วนร่วมในชีวิตของเขามากจนเกินไป เช่น การตัดสินใจแทนให้เขาเล่นเพลงต่างๆโดยที่ไม่เคยถามความคิดเห็นของเขาเลยว่าเขาจะเล่นได้หรือไม่ เนื่องจากพ่อของเดวิดไม่ได้รับการตอบสนองความสนใจทางด้านดนตรีจากพ่อ ทำให้เขาพยายามทดแทนสิ่งเหล่านี้ให้แก่เดวิด แต่มันกลับกลายว่าจะเป็นการยัดเยียดเสียมากกว่า
นอกจากนี้ในเรื่องของตัวละครมีการนำเสนอความขัดแย้งทางด้านจิตใจของมนุษย์เอง คือ บางครั้งพ่อของเขาก็มีการใช้กำลังทำโทษเมื่อเกิดความไม่พอใจแต่ก็ทำสลับกับการแสดงความรักที่อบอุ่น ทำให้เกิดความสับสนขึ้นในใจไม่รู้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่ถูกต้องและสิ่งไหนคือสิ่งที่ผิด สุดท้ายทำให้เขากลายเป็นคนที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง

หนังใช้การเปิดเรื่องที่ทำให้ผู้ชมต้องคิดตาม เนื่องจากมีการเปิดเรื่องโดยให้ชายคนหนึ่งเดินมาท่ามกลางสายฝน พูดไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว ผ่านร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วเข้าไปเกาะกระจกของร้านและมองดูเปียโนอย่างสนใจ ซึ่งนั่นเป็นตัวตั้งคำถามว่า ทำไมชายคนนั้นจึงต้องหยุดมองและจ้องมองอยู่ที่เปียโนหลังนั้น

นอกจากนี้ยังมีการใช้สัญลักษณ์ในการแสดงอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร เช่น ตอนที่เดวิดกำลังอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ ซึ่งตามปกติแล้วพ่อจะต้องมาอาบน้ำต่อจากเขา แต่เขากลับถ่ายลงในอ่างอาบน้ำนั้น ซึ่งทำให้พ่อรู้สึกโกรธเขาเป็นอย่างมาก จึงได้ใช้ผ้าขนหนูตีเขารุนแรง ซึ่งผู้กำกับใช้สัญลักษณ์ในการนำเสนอ โดยการใช้น้ำที่ไหลออกจากก๊อกที่กำลังไหลลงทีละหยดๆเป็นตัวแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร และจับภาพไปที่ผนังที่มีน้ำกระจายอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการคิดตามว่าเดวิดรู้สึกอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับเดวิดในตอนนั้นบ้าง

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เพื่อการศึกษาอีกเรื่องหนึ่งที่มีประโยชน์แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะเราจะได้รู้และมองดูพฤติกรรมของผู้คนรอบข้างว่ามีบุคคลใดมีความผิดปกติทางด้านจิตใจบ้างหรือไม่ หากคนเหล่านั้นเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับเรา เราควรจะประพฤติต่อเขาอย่างไร ให้เขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้การดูภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราต้องคิดตามเพราะมีการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อ จะช่วยให้ผู้ชมได้ฝึกการสังเกต ฝึกการวิเคราะห์สิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อสารมายังผู้ชม จะช่วยให้เราเข้าใจการนำเสนอของภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: