วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine

จิราภรณ์

พรสวรรค์สามารถนำพามนุษย์ไปสู่ความฝันและความสำเร็จได้ ถ้าใช้มันอย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่หากใช้พรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเอง และต้องเดินไปบนเส้นทางความคิดของผู้อื่น หรือเรียกได้ว่าถูกปิดกั้นโอกาสทางความคิดของตนเอง ก็อาจนำพาชีวิตไปสู่หนทางหายนะได้ดังเช่นชีวิตของ เดวิด ตัวละครเอกในเรื่อง “ชายน์” ภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1996 จากชีวิตจริงของ David Helfgott นักเปียโนชาวออสเตรเลีย โดยมี Scott Hicks เป็นผู้กำกับและเขียนบทร่วมกับJan Sardi ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัล Academy Award ประจำปี 1997 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมโดย Geoffrey Rush ผู้รับบทเป็นเดวิดตอนแก่ นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาต่างๆอีกมากมาย

David Helfgott ถูก ปีเตอร์ พ่อของเขากดดัน ให้ฝึกซ้อมเปียโนอย่างหนัก โดยไม่คำนึงถึงว่าเขาจะสามารถเล่นเพลงยากๆได้หรือไม่ เพียงเพื่อให้ได้ชัยชนะ และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการทางดนตรีของพ่อในวัยเด็กซึ่งถูกปิดกั้นโดยปู่ของเดวิดด้วย แต่เพราะพรสวรรค์ทางดนตรีของเดวิด ทำให้เขาได้รับทุนไปศึกษาที่สถาบันดนตรีชื่อดังในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ถูกพ่อปิดกั้นโอกาสไม่ยอมให้ไป ต่อมาเดวิดได้พบกับแคธรีน นักเขียนชื่อดัง และได้ไปเล่นดนตรีให้เธอฟังบ่อยๆ จนเกิดรู้สึกผูกพันและได้เธอเป็นที่พักทางใจ ทำให้เดวิดเข้มแข็งขึ้น และกล้าที่จะแหกกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพ่อ เพื่อก้าวเดินไปตามหาความฝันของเขา ด้วยการตัดสินใจรับทุนไปเรียนดนตรีที่ลอนดอน แม้จะต้องแลกด้วยการตัดพ่อตัดลูกกันก็ตาม เขาได้รับการฝึกสอนจากอาจารย์ชื่อดังและฝึกซ้อมอย่างหนักจนสามารถบรรเลงบทเพลงที่ได้ชื่อว่ายากที่สุดซึ่งเป็นเพลงที่พ่อเคยบังคับให้เขาเล่นในสมัยก่อนนั่นเอง หลังจากที่เพลงจบลง เดวิดยังไม่ทันได้รับรู้ถึงการแสดงความชื่นชมยินดีและเสียงปรบมือจากผู้ชม เขาล้มลงหมดสติอยู่บนเวทีและกลับกลายเป็นคนป่วยทางจิต แต่ไม่ว่าสภาพของเดวิดจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ในหัวใจและจิตวิญญาณของเขาก็คือพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียง และได้พบกับพ่ออีกครั้ง แต่พ่อกลับรับไม่ได้ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเดวิด และเดินจากเขาไปอีกครั้ง ไม่นานนัก เขาก็ได้พบกับหมอดูสาวคนหนึ่งซึ่งมองเห็นความโดดเด่น ความน่ารักของเขา และยอมรับสภาพของเขาได้ทุกอย่าง เขาได้แต่งงานกัน ด้วยความรักและความเข้าใจที่มีให้กันในครอบครัว ทำให้เดวิดสามารถกลับมาเล่นเปียโนได้อย่างไพเราะจับใจ และที่สำคัญคือ เขาบรรเลงเพลงออกมาจากใจ และตัวตนของเขาจริงๆ และสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังได้อีกครั้ง ทุกคนยอมรับในความสามารถและร่วมยินดีกับความสำเร็จของเขา แต่อาจสายไป เพราะคนที่เดวิดอยากให้เห็นความสำเร็จของเขามากที่สุด นั่นก็คือ พ่อ ได้จากเขาไปเสียแล้ว


ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่น่าติดตามมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเรื่องที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทำในสิ่งที่ใจรักและสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ ผู้ที่รับบทบาทเป็นเดวิดในแต่ละวัยสามารถตีบทได้อย่างชัดเจน ประหนึ่งว่าผู้แสดงเป็นคนเดียวกันตั้งแต่เด็กจนโต

Shineเริ่มเรื่องตอนที่เดวิดกำลังวิ่งไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝน แล้วหลงเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ทำให้เขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งจากการเล่นเปียโนที่อยู่ในร้านนั้น จากนั้นก็เป็นการสลับฉากเหตุการณ์ไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมเกิดความสงสัย และทำให้เกิดความตั้งใจในการชมมากขึ้น เสมือนว่าเป็นกลวิธีที่ทำให้ผู้ชมมีสมาธิ ได้เตรียมความพร้อมก่อนที่จะไปพบกับฉากเด็ดๆที่กระทบใจถึงขั้นเกิดอาการอึ้งอย่างสงบนิ่งได้เลย เช่น ฉากที่แสดงถึงความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูก คือตอนที่เดวิดถูกพ่อตี หรือจะเป็นฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง ในตอนที่เดวิดทุ่มเทกับการเดี่ยวเปียโนจนหมดสติล้มลงบนเวที ความสุขและความประทับใจค่อยๆเพิ่มมากขึ้น แล้วค่อยๆดำเนินเรื่องไปสู่ความปลาบปลื้มยินดีกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเดวิด ซึ่งเป็นฉากปิดเรื่องที่ซาบซึ้งกินใจมากถึงขั้นเรียกน้ำตาผู้ชมได้เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบด้านแสง สี และเสียงมีความสอดคล้องเหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่อง ในช่วงชีวิตที่มืดมน ฉากก็จะดูมืดมัว หม่นหมอง แต่ยามที่เดวิดมีความสุข ได้พบกับสิ่งดีๆในชีวิต ฉากก็จะดูสดใส สบายตา ดูแล้วรู้สึกเกิดอารมณ์สุขใจไปกับเดวิดด้วย สิ่งต่างๆสื่อให้เห็นตรงกับชื่อเรื่อง “ชายน์” ที่เป็นเสมือนแสงทองช่วยสาดส่องให้ชีวิตของเดวิดหลุดพ้นจากความมืดมนในอดีตได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแง่คิดหลายด้าน ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน สำหรับข้าพเจ้าคิดว่า การที่เราก้าวเดินไปตามคำสั่งของหัวใจเรา เพื่อพยายามตามหาความฝัน ไม่ว่าความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ อย่างน้อยเราก็ได้ภูมิใจในสิ่งที่เราได้ทำ เพราะเป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวใจ นั่นแหละคือตัวตนของเรา เช่นเดียวกับเดวิดที่ตัดสินใจดำเนินชีวิตไปตามทางที่เขาเลือกเอง ไม่ว่ามันจะเลวร้ายสักเพียงใด เขาต้องยอมรับในตัวเขาเอง สักวันหนึ่ง ท้องฟ้าที่มืดมนก็จะเปิดกว้างสดใส ส่องแสงนำทางให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จจนได้

ไม่มีความคิดเห็น: