วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine

สุวีณา

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ ประจำปี 1997 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมโดยเจฟฟรี่ รัช ผู้รับบทเป็นเดวิดตอนแก่ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรวม 6 รางวัล

เด็กชายเดวิดเกิดในครอบครัวชาวยิว มีพ่อที่พยายามเคี่ยวเข็ญให้เขาฝึกซ้อมเปียโน เดวิดผ่านการประกวดหลายครั้งและสามารถเอาชนะได้ จนกระทั่งได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันสอนดนตรีชื่อดังที่อังกฤษตามจดหมายเชิญโดยไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อ เพราะพ่อได้ห้ามเขามาตลอดจึงทำให้ทั้งสองตัดพ่อลูกกัน

ระหว่างที่เขาอยู่ที่อังกฤษ เขาต้องพบกับสภาวะเครียดหลายอย่าง คือ การเสียชีวิตของแคทเธอรีนนักเขียนผู้มีพระคุณ การไม่ตอบจดหมายกลับของพ่อ และการได้รับการฝึกสอนจากอาจารย์ชื่อดัง เซซิล พาร์ค ทำให้เขาสามสรถบรรเลงบทเพลงที่ยากที่สุดได้ จนทำให้เขาสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศในงานประกวดของมหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่เขาบรรเลงจบ เขาล้มลงหมดสติอยู่บนเวที เขาจึงต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลานาน โดยแพทย์กำชับไม่ให้เขาเล่นเปียโนโดยเด็ดขาด

หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาลได้ไปอาศัยอยู่กับเบริล แต่เขาไม่สามารถดูแลเดวิดต่อไปได้จึงส่งเดวิดไปอยู่อพาร์ทเมนท์ เดวิดเล่นเปียโนบ่อยเกินไป จนทำให้เจ้าของอพาร์ทเมนท์ล็อคเปียโนไว้ด้วยความรำคาญทำให้เขาต้องเดินทางออกตามหาเปียโนจนพบเปียโนในร้านอาหารโมบาย ซึ่งทำให้เขาได้เล่นเปียโนที่นั้นจนมีชื่อเสียง

เขาพบกับพ่ออีกครั้ง แม้พ่อเขาจะให้กลับบ้าน แต่เดวิดดูเหมือนว่าจะพอใจและมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้

เขาได้พบกับกิลเลี่ยนนักดูดวง ซึงได้เห็นความดี ความน่ารัก อารมณ์ขัน และความสามารถทางดนตรี จนเกิดความประทับใจและแปรเปลี่ยนเป็นความรัก จนในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน

ด้วยความรักและความเข้าใจจากกิลเลี่ยน ทำให้เดวิดหวนกลับมาเล่นเปียโน และสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ฟังได้อีกครั้ง เดวิดสามารถเอาชนะใจแม่และน้องสาวของเขาจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้นแต่น่าเสียดายที่พ่อเขาจากไปแล้ว


การเปิดเรื่องเป็นเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในคืนวันฝนตก เดวิดซึ่งมีลักษณะแปลกๆพูดกับตังเองคนเดียว เนื้อหาการพูดนั้นจับใจความไม่ได้ กำลังวิ่งอยู่กลางถนน และได้ไปหยุดยืนอยู่ที่ร้านอาหารชื่อ โมบาย สายตาของเขาหยุดและจับจ้องอยู่ที่เปียโน ที่ตั้งอยู่กลางร้านอาหาร
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอวิธีการเล่าเรื่องในปัจจุบันแล้วย้อนไปในอดีตเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เดวิดมีพฤติกรมจ้องมองเปียโนในฉากเปิดเรื่อง หลังจากนั้นเหตุการณ์เริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ ได้กล่าวถึงช่วงชีวิตวัยเด็กของเดวิดและเป็นจุดสงสัยเช่นเดียวกันที่เดวิดทำไมถึงต้องจ้องดูเปียโน เดวิดเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีการใช้อารมณ์ พ่อของเขาจะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเดวิดมากเกินไป จะตัดสินใจแทนเขาตลอด การกล่าวด้วยวาจาที่รุนแรง บางครั้งมีการใช้กำลัง จึงสร้างความกดดันให้กับเขา จนบางครั้งเขาแสดงพฤติกรรมแปลกๆโดยไม่รู้ตัวและไม่มีความนึกคิดว่าเป็นสิ่งถูกหรือผิด สิ่งที่พ่อเขาสอนนั้นฝังใจเดวิดอยู่ตลอด ชีวิตของเขามีแต่ดนตรี เขามีเพื่อนที่ดีที่สุดคือ เปียโน จึงไม่แปลกที่ชีวิตเขาจึงมีแต่เปียโน

จุดไคลเม็กซ์ของเรื่องคือตอนที่เขาสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศในงานประกวดของมหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่เขาบรรเลงจบ เขาก็ล้มหมดสติอยู่บนเวที อาจเป็นเพราะเขาต้องเผชิญกับภาวะเครียด คือการเสียชีวิตของผู้มีพระคุณคือ แคทเธอรีน การไม่ตอบจดหมายกลับของพ่อ และการฝึกซ้อมอย่างหนักจนสามารถบรรเลงเพลงที่ยากที่สุดได้ จนทำให้เขาพะวงและหมดสติในที่สุด

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดเด่นที่ตัวละคร คือตัวละครเอก “เดวิด” ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทดำเนินเรื่องมาจากวัยเด็กจนถึงวัยกลางคน ทั้งเรื่องล้วนนำเสนอเกี่ยวกับชีวิตของเดวิดทั้งสิ้นเป็นการเล่าประวัติของเดวิด

ฉากภายในเรื่องในช่วงแรกเป็นฉากสลัว มืด ทึบ ไม่สว่างสดใส ซึ่งแสดงว่าเดวิดมีความพะวง กดดัน อยู่ในภาวะเครียดไม่มีทางออก แต่ในช่วงหลังเมื่อเดวิดมีคนเข้าใจและมีความรักให้เขา ฉากในเรื่องจึงมีสีสันสดใสมากขึ้น มีชีวิตชีวา เหมือนกับชีวิตของเขาที่ดีขึ้นและความเครียด ความกดดัน ไม่มมีเหลืออยู่ในจิตใจแล้ว
ความขัดแย้งภายในเรื่องเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ คือ พ่อของเดวิดขัดขวางการไปเรียนต่ออังกฤษของเดวิด จนทำให้ทั้งงสองทะเลาะเบาะแว้งและลงไม้ลงมือกัน และความขัดแย้งภายในใจตัวเอง คือ การตัดสินใจไปเรียนต่อที่อังกฤษภายในใจนั้นอยากไปแต่กลัวพ่อไม่อนุญาตแต่แล้วเขาจึงตัดสินใจไปโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพ่อ

สัญลักษณ์ใน ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ

1.ในช่วงวัยเด็กเดวิดอาบน้ำแล้วอุจจาระในอ่างอาบน้ำ แล้วภาพตัดไปที่ก๊อกน้ำกำลังหยด เพื่อเป็นการบอกว่าเดวิดผิดปกติไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนก๊อกน้ำที่เสียแล้วไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน

2. ตอนที่กรอบแว่นของพ่อของเดวิดแตก แสดงว่าชีวิตที่อยู่ในกรอบ ในขอบเขต ได้พังทลายแล้ว มีแต่ชีวิตที่เป็นอิสระ

3. การสูบบุหรี่ตลอดเวลาของเดวิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาติดมาจากแคทเธอลีน อาจเป็นเพราะเขามีความเครียดตลอดเวลา การสูบบุหรี่ตลอดเวลาแสดงว่าเขาอยากผ่อนคลายความเครียด

การปิดเรื่อง เป็นตอนที่เดวิดและแฟนสาวกำลังเดินอยู่ที่หลุมศพของพ่อของเดวิด

แง่คิดจากเรื่อง ครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเด็ก การปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ อย่างเช่นเดวิดที่สับสนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกหรือผิดเพราะพ่อจัดการให้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดนอกกรอบ จึงทำให้เขาต้องเก็บกด อยู่ในภาวะเครียดตลอดเวลา จนเก็บสั่งสมไปเรื่อยๆจนทำให้เขาป่วยทางจิต ในเรื่องเสนอว่าผู้ที่ป่วยทางจิตสามารถจะอยู่ร่วมกับสังคมได้ หากผู้ป่วยได้รับการเอาใจใส่และเข้าใจเขา เขาสามารถจะหายจากโรคนั้นได้ เช่น เดวิดที่ได้รับการดูแลอย่างดี ด้วยความรัก ความเข้าใจจากแฟนสาว จนทำให้เดวิดสามารถกลับไปเล่นเปียโนได้อีกครั้ง

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การร้อยความคิดในแต่ละหัวข้อยังไม่ต่อเนื่องกัน ยังไม่ค่อยเข้าใจระหว่างการเล่าเรื่องกับการดำเนินเรื่อง ไม่น่าจะกล่าวถึงสัญลักษณ์เป็นข้อๆ อาจเรียบเรียงเป็นย่อหน้าจะดีกว่าไหม การสูบบุหรี่เป็นสัญลักษณ์ด้วยหรือ????