วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Shine

สริญลา

เดวิด เฮลฟ์กอทท์ ลูกชายคนรองของปีเตอร์ เฮลฟ์กอทท์ พ่อที่อบรมเลี้ยงดูลูกๆด้วยความเข้มงวด และทัศนคติที่คับแคบ สอนให้ลูกชายของเขาชนะในทุกการแข่งขัน ซึ่งสร้างความกดดันแก่เดวิดเป็นอย่างมาก แรคมานีนอฟ 3 เป็นบทเพลงคอนแชร์โตที่ยากมาก หากทว่าปีเตอร์ ต้องการให้ลูกของเขาเล่นเพลงนี้ให้ได้ จึงพาลูกไปให้คุณครูที่ชื่อ เบน โรเซ่น สอนให้ โดยทางครูได้ปฏิเสธ อ้างว่ามันเป็นเพลงที่ยาก และอยากให้เดวิดโตกว่านี้และรู้สึกว่าอยากเล่นเพลงนี้จริงๆไม่ใช่ถูกยัดเยียดให้ชอบ แต่พ่อก็ไมได้สนใจคำพูดของครู เดวิดจึงได้เรียนกับครูโรเซ่น

ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เดวิดในวัยหนุ่มได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา เขานั่งคุยกับน้องถึงครอบครัวชาวยิวที่จะดูแลเขาเมื่ออยู่ที่นั่น เขาพูดอย่างมีหวังและเต็มไปด้วยความสุข แต่ทว่าพ่อไม่ให้เขาไป เพราะกลัวว่าการไปของเขาจะเป็นการทำลายครอบครัว ต่อมาเดวิดได้รู้จักกับหญิงสูงวัยชาวรัสเซีย เขาไปเล่นเปียโนและนั่งพูดคุยที่บ้านของเธอ จนกลายเป็นเพื่อนต่างวัย วันหนึ่งเดวิดไปแข่งเปียโนแล้วแพ้คู่แข่งคือ โรเจอร์ วุ๊ดเวิร์ด พ่อผิดหวังอีกครั้งกับเดวิด ต่อมาเดวิดได้ทุนไปเรียนต่อทางด้านดนตรีที่ลอนดอน เป็นอีกครั้งที่พ่อไม่ให้เขาไป และเป็นครั้งแรกที่เขากล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงความต้องการของเขาออกมาว่าเขาต้องการไปเรียนต่อทางด้านนี้ พ่อพูดกับเขาว่า ถ้าหากเขาไปเขาจะถูกตัดขาดจากพ่อ แม่ และครอบครัว แต่เขาก็ตัดสินใจไป เดินตามทางที่ตัวเองต้องการ

เมื่อเขาไปอยู่ที่ลอนดอน เขาเขียนจดหมายถึงพ่อ แต่พ่อไม่เคยเขียนตอบกลับมาเลยสักฉบับเดียว แต่กลับส่งจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดกลับมาทั้งหมด เขาเสียใจที่พ่อไม่สนใจเขาเลย และที่ลอนดอนเขาได้เรียนเพลงคอนแชร์โต้แรคมานีนอฟ 3 ต่อ เดวิดเล่นเพลงนี้ได้ดีบนคอนเสริ์ต แต่ด้วยความที่เขาเคร่งเครียดและความกดดันทำให้หลังจบการแสดงเขาก็หมดสติไปและกลายเป็นคนที่สติไม่ดี เขาต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทางจิต คืนหนึ่งเขาเดินท่ามเตร็ดเตร่ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายมาถึงร้านอาหาร เขาเห็นเปียโนจึงเดินเข้าไปเล่น ทุกคนที่ได้ฟังล้วนประทับใจ ทำให้เขาดีใจมาก เจ้าของร้านจึงจ้างเขามาเล่นดนตรี ไม่นานชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังอีกครั้งหนึ่ง ได้กลับไปเล่นบนเวที และได้พบกับจิลเลียน นักโหราศาสตร์ ผู้ที่เยียวยาชีวิตทอันหม่นหมองของเดวิดให้กลับมามีชีวิตชีวา

การเปิดเรื่อง เริ่มด้วยเดวิด ที่ออกมาเดินเตร็ดเตร่ท่ามกลางสายฝนในคืนวันหนึ่งแล้วมาหยุดที่ร้านอาหาร พูดพึมพำคล้ายๆกับว่ามีความรู้สึกนับร้อยอยู่ข้างใน จนต้องรีบพูดมันออกมา ฉันคิดว่าการเปิดเรื่องของภาพยนตร์นี้น่าสนใจ คือสร้างความน่าสงสัยว่าทำไม ชายคนนี้จึงมีลักษณะการพูดเช่นนี้ และ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? เหตุการณ์เริ่มพัฒนา เมื่อเดวิดได้ทุนไปเรียนต่อทางด้านดนตรีที่อเมริกา แต่พ่อไม่ให้ไป ทำให้เดวิดเกิดความรู้สึกกดกัน และเริ่มไม่พอใจพ่อ ซึ่งเป็นความขัดแย้งของมนุษย์กับมนุษย์ จุดวิกฤติ คือตอนที่เดวิดได้ทุนไปเรียนต่อที่ลอนดอนแล้วพ่อไม่ให้ไป เพราะบอกว่าการจากไปจะทำลายครอบครัวของเรา โดยยื่นคำขาดว่า หากก้าวเท้าออกจากบ้านไป เขาจะไม่มีวันได้กลับมา และเขาจะไม่มีพ่อ แม่ พี่น้องอีกต่อไป คนในครอบครัวคนอื่นๆสงสารและเข้าใจเดวิด ช่วยกันห้ามไม่ให้พ่อทำร้าย แล้วเดวิดจึงตัดสินใจที่จะขัดแย้งกับพ่อแล้วเลือกทางเดินของตัวเอง

จุดไคล์แมกซ์ คือ เมื่อเขาไปถึงที่ลอนดอน เขาได้เรียนเพลงแรคมานีนอฟ 3 เมื่อเขาได้เล่นเพลงนี้อย่างไพเราะ พริ้วไหว บนเวที ผู้คนตั้งใจฟังเขาบรรเลงและทึ่งในความสามารถอันยอดเยี่ยม แต่เขาเกิดความเครียดและกดดัน ที่สะสมมายาวนาน ทำให้เขาทรุดลงไปบนเวที ศรีษะกระแทกกับเปียโนกลายเป็นคนที่สติไม่ดี ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทางจิตเวช การปิดเรื่อง เป็นการจบแบบสุขนาฏกรรม จิลเลียน นักโหราศาสตร์คนหนึ่งได้รู้จักกับเดวิด ต่อมาเขาทั้งสองได้กลายมาเป็นคู่รักกัน จิลเลี่ยนดูแลเดวิดอย่างดีและใจเย็น แม้ว่าเดวิดอาจสร้างเรื่องปวดหัวให้เธออยู่บ่อยๆ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้อยู่ดูแลเขา สุดท้ายเดวิดและจิลเลี่ยนได้ไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อของเดวิด ด้วยกันอย่างมีความสุข

Shine เป็นภาพยนตร์ที่น่าชมมากเรื่องหนึ่ง แฝงไปด้วยข้อคิดที่ดี มีการใช้สัญลักษณ์ ซึ่งสร้างความน่าสนมจให้กับภาพยนตร์ เนิ้อเรื่องเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ตัวละครแต่ละตัวแสดงได้สมบทบาท ทำให้เราเชื่อและรู้สึกร่วมไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง เมื่อชมแล้วรู้สึกสงสาร เห็นใจเดวิดและคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก เพราะพ่อสอนลูกด้วยความรักแบบผิดๆ ทัศนคติที่คับแคบ กดดันให้เป็นในสิ่งที่ตนต้องการ คำว่าชนะและแข็งแกร่งถูกฝังอยู่ในหัวของลูก ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกๆคนในบ้าน โดยเฉพาะเดวิด ที่ภายหลังต้องกลายเป็นคนสติไม่ดี พูดจาเพ้อเจ้อ ทำให้บ้านไม่มีความสุข

ข้าพเจ้ามีความรู้สึกกดดันมากในฉากที่เดวิดเล่นเพลงแรคมานีนอฟ 3 บนเวที บทเพลงที่ไพเราะแต่แฝงไปด้วยความกดดันของผู้เล่น รู้สึกสงสาร เห็นใจ และชื่นชมในความพยายามของเขาในการฝึกฝนที่จะเล่นบทเพลงนี้มาโดยตลอด อีกฉากหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจคือ ฉากที่เดวิดลงไปนั่งในอ่างน้ำแล้วอุจจาระลงในนั้น เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อแล้วรู้สึกว่า นี่หรือคือคนที่บอกว่ารักลูกมาก คนที่ดูเหมือนจะทำให้ครอบครัวอบอุ่น ส่วนฉากที่ข้าพเจ้าประทับใจมีหลายฉากแต่ฉากที่ทำให้ข้าพเจ้ายิ้มออกได้ในหนังเรื่องนี้คือ ฉากที่เดวิดลงไปว่ายน้ำในสระแล้วเอาโน๊ตเพลงลงไปด้วย จิลเลี่ยนเอาสวิงช้อนกระดาษโน๊ตเพลงขึ้นมา เอาไดร์เป่า เอาเตารีดมานาบให้แห้ง ช่วยกันหลายคน นั่นแสดงให้เห็นว่ามีคนรักเดวิดอีกมากมาย

จากข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันรู้สึกว่าเป็นคนที่ถือว่าโชคดี เพราะมีคนในครอบครัวที่เข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เคยกดดันและเป็นกำลังใจให้ฉันเสมอมา

ไม่มีความคิดเห็น: